Tuesday, September 17, 2013

เลือกสบู่อย่างไรให้เหมาะกับผิว

ภาพจาก http://www.totojakey.com/tag/skin/
สบู่ในปัจจุบันนั้น มีหลายยี่ห้อ หลากหลายสรรพคุณ และหลายชนิด ทั้งสบู่เหลว สบู่ก้อน หลายคนอาจสงสัยว่าจะเลือกสบู่อย่างไรให้เหมาะกับผิว และช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดีขึ้น

การเลือกสบู่ที่ดีนั้น อย่างแรกควรดูที่ค่าความเป็นกรดด่างของสบู่ หรือที่เรียกว่า ค่า pH โดยถ้ามีค่า 0 -14 แสดงว่ามีความเป็นกรด แต่ถ้าตัวเลขค่า pH มากกว่านี้จะมีความเป็นด่าง โดยค่า pH ของผิวคนเราจะอยู่ 4.5 – 5.5

ต่อมาคือ การเลือกว่าจะใช้สบู่เหลว หรือสบู่ก้อน ก่อนที่จะตัดสินใจได้นั้น เราก็จะต้องรู้ก่อนว่าสบู่แต่ละชนิดนั้นมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร

สบู่กลีเซอรีน คือ สบู่ที่ทำมาจากกลีเซอรีน เป็นสารที่แยกตัวจากขั้นตอนการทำสบู่แบบเย็น มีลักษณะเหนียว ใส และหวาน สามารถดูดความชื้นจากอากาศมาไว้ในตัวได้ดี มีค่า pH ประมาณ 7 มีความชุ่มชื้นสูงและมีความเป็นด่างน้อย

สบู่เหลว เป็นสบู่ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน หลายคนมักเข้าใจว่าเป็นประเภทเดียวกับเจลอาบน้ำ แต่จริงๆ แล้วทั้งสองชนิดนี้ต่างกัน โดยสบู่เหลวดั้งเดิมแล้วทำมาจากสบู่กลีเซอรีนผสมน้ำให้มีความเหลวมากขึ้้น ส่วนเจลอาบน้ำเป็นส่วนผสมของสารชำระล้างกับสารเคมีอื่นๆ โดยที่เราสามารถกำหนดค่าความเป็นกรดเป็นด่าง และคุณสมบัติตามส่วนผสมที่เราใส่เข้าไป ด้วยสาเหตุนี้เราจะเห็นได้ว่าที่วางขายตามท้องตลาดจะมีค่า pH 5 ได้ แต่สบู่ก้อนไม่สามารถทำได้ ข้อดีของสบู่ประเภทนี้คือ สามารถเพิ่มสารเคลือบผิวเพื่อเก็บของชุ่มชื้นของผิวไว้ได้ดี

สบู่ไขมัน มีลักษณะทึบทำมาจากไขมันผสมกับด่าง มีค่าความเป็นด่างค่อนข้างสูง เวลาเราใช้จะรู้สึกว่าผิวฝืดตึง  เพราะด่างสามารถละลายไขมันที่มีค่าเป็นกรดได้ดี สบู่ชนิดนี้จึงมีคุณสมบัติในการทำความสะอาดสูง

(ที่มาข้อมูล: www.dek-d.com)

คุณสมบัติของสบู่ที่ได้จากกรดไขมันต่างชนิดกัน

น้ำมันมะพร้าว สบู่ที่ผลิตได้มีเนื้อแข็ง กรอบ แตกง่าย สีขาวข้น มีฟองมากเป็นครีม ให้ฟองที่คงทนพอควร เมื่อใช้แล้วทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันปาล์ม ให้สบู่ที่แข็งเล็กน้อย มีฟองน้อย ฟองคงทนอยู่นาน มีคุณสมบัติในการชะล้างได้ดี แต่ทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันรำข้าว ให้วิตามินอีมาก ทำให้สบู่มีความชุ่มชื้น บำรุงผิว ช่วยลดความแห้งของผิว
น้ำมันถั่วเหลือง เป็นน้ำมันที่เข้าได้ดีกับน้ำมันอื่น ให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่เก็บไว้ได้ไม่นาน มีกลิ่นหืนง่าย
น้ำมันงา เป็นน้ำมันที่ให้วิตามินอี และให้ความชุ่มชื้น รักษาผิว แต่มีกลิ่นเฉพาะตัว
น้ำมันมะกอก ทำให้ได้สบู่ที่แข็งพอสมควร ใช้ได้นาน มีฟองเป็นครีมนุ่มนวลมาก ให้ความชุ่มชื้น ไม่ทำให้ผิวแห้ง
น้ำมันละหุ่ง ช่วยทำให้สบู่มีฟองขนาดเล็กจำนวนมาก ทำให้สบู่เป็นเนื้อเดียวกันดี สบู่ไม่แตก ทำให้สบู่มีความนุ่มเนียน และช่วยให้ผิวนุ่ม
น้ำมันเมล็ดทานตะวัน ทำให้สบู่นุ่มขึ้น แต่ฟองน้อย
ไขมันวัว จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็งสีขาวอายุการใช้งานนานมีฟองน้อย ทนนาน แต่นุ่มนวล
ไขมันหมู จะได้สบู่ที่มีเนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
ขี้ผึ้ง ได้สบู่เนื้อแข็ง อายุการใช้งานนาน ฟองน้อย แต่ทนนาน
ไขมันแพะ ได้สบู่เนื้อนุ่ม ได้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ผิวนุ่มเนียน

(ที่มาข้อมูล: th.wikipedia.org)

เมื่อรู้จักสบู่แต่ละประเภทแล้ว ก็ต้องรู้ด้วยว่าเรามีผิวแบบไหน จะได้เลือกสบู่ให้เหมาะสมกับสภาพผิว โดยมีคำแนะนำดังนี้

สาวผิวมัน ควรเลือกใช้สบู่ไขมัน เพราะสามารชำระล้างไขมันได้ดี ลดการอุดตันของรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสิว แต่ถ้าใช้แล้วรู้สึกว่าผิวฝืด ตึงเกินไปก็ลองเปลี่ยนมาใช้สบู่กลีเซอรีนดู

สาวผิวธรรมดา ถือว่าโชคดีมากๆ ไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผิวแห้ง หรือการอุดตันของรูขุมขน สามารถใช้สบู่ประเภทไหนก็ได้คะ

สาวผิวแห้ง ควรหลีกเลี่ยงสบู่ไขมัน หากผิวแห้งไม่มาก สามารถใช้สบู่กลีนเซอรีนได้ แต่ถ้าแห้งมากๆ แนะนำให้ใช้เจลอาบน้ำ ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์สูงๆ ทั้งนี้เพื่อคงความชุ่มชื้นให้ผิวพรรณ

ส่วนสบู่ที่ต้องใช้อย่างระมัดระวัง คือ

1. สบู่ยา (medicated soaps) มีตัวยาประกอบอยู่ เช่น กำมะถัน กรดซาลิไซลิก เบนซอยล์เปอร์-ออกไซด์ และยาฆ่าเชื้อโรค ยาพวกนี้อาจใช้ได้ผลในการรักษาโรคผิวหนังบางอย่างจริง เมื่อผสมอยู่ในรูปของครีมและโลชั่น แต่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ยืนยันว่าตัวยาเหล่านี้เมื่อผสมกับเนื้อสบู่แล้วจะได้ผลประการใดต่อผิว ทั้งนี้เพราะเราฟอกสบู่เพียงชั่วครู่แล้วก็ล้างออก ยาจึงออกฤทธิ์ไม่ทัน สบู่ประเภทนี้ทำให้ผิวอักเสบระคายเคืองได้บ่อยจึงไม่แนะนำให้ใช้

2. สบู่ดับกลิ่นตัว (deodorant soaps) ตามปกติไม่ควรจะใช้บนใบหน้า กลิ่นตัวเกิดจากการที่เชื้อแบคทีเรียย่อยสลายของเหลวที่ต่อมเหงื่อ " อะโปครีน " หลั่งออกมา สบู่ดับกลิ่นตัวก็คือ สบู่ธรรมดาที่เพิ่มยาฆ่าเชื้อแบคทีเรียลงไป เพื่อยับยั้งไม่ให้แบคทีเรียที่เป็นตัวการทำให้เกิดกลิ่นบนผิวหนังทำงานได้ สบู่พวกนี้มักมีกลิ่นไม่หอม จึงนิยมผสมน้ำหอมลงไปเพื่อดับกลิ่นยา สบู่ดับกลิ่นตัวมักทำให้ผิวแห้ง แต่ถ้าเป็นคนที่มีกลิ่นตัว สบู่นี้ก็เหมาะที่จะใช้ถูตัวโดยเฉพาะบริเวณรักแร้

3. สบู่ขัดถู (abrasive soaps) มีเศษชิ้นส่วนเล็กๆ ปะปนอยู่ จุดประสงค์ของการใส่ชิ้นส่วนเล็กๆ ก็เพื่อถู ไถเอาชั้นขี้ไคลซึ่งเป็นผิวหนังส่วนนอกสุดที่ไร้ชีวิตแล้วออกไป โดยทั่วไปแล้วคนที่ผิวปกติไม่สมควรใช้สบู่พวกนี้ เพราะถ้าเป็นผิวแห้ง จะทำให้แห้งและระคายเคือง หากเป็นคนที่มีหน้ามัน ผิวมันมากจริงๆ สบู่ขัดถูนี้อาจช่วยแก้ไขปัญหานี้ได้ ในกรณีที่ผิวหน้ามีสิวหรือมีการอักเสบอยู่แล้ว ไม่แนะนำให้ใช้สบู่ขัดถู ทั้งนี้เพราะจะทำให้ทั้งสิวและ ใบหน้าอักเสบระคายเคืองยิ่งขึ้น

4. สบู่ที่มีส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร (fruit, vegetable and herbal soaps) คือสบู่หรือ  ดีเทอร์เจนที่มีการใส่ส่วนผสมต่างๆ" ตามธรรมชาติ " ลง ไปเพื่อเร้าความสนใจของผู้ซื้อว่า สบู่นี้จะช่วยดูแลรักษาสุขภาพผิวโดยสารธรรมชาติที่มาหล่อเลี้ยงและเป็นอาหารให้ผิวหนัง แต่แท้จริงแล้วส่วนประกอบของสบู่พวกนี้ไม่แตกต่างไปจากสบู่ทั่วไปเลย ส่วนผสมของผลไม้ ผัก และสมุนไพร ที่แต่งเติมลงไปอาจช่วยให้สบู่มีกลิ่นมีสีน่าใช้มากขึ้น แต่สารเหล่านี้โดยแท้จริงแล้วไม่ได้มีประโยชน์อะไรต่อผิว จะมีประโยชน์ก็แต่กับผู้ผลิต เพราะสบู่พวกนี้มีราคาสูง

(ที่มาข้อมูล: women.thaiza.com)

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว สาวๆ ก็คงจะรู้แล้วว่าควรเลือกใช้สบู่ประเภทไหนให้เหมาะกับสภาพผิวของตนเอง ที่สำคัญอย่าลืมหลีกเลี่ยงสบู่ที่ทำร้ายผิวสวยๆ ของสาวๆ ด้วยนะคะ


บทความที่เกี่ยวข้อง

มาทำความรู้จักกับสบู่น้ำหอมอาร์แกน 
10 เหตุผลดีๆ ที่ควรใช้ LA MAISON DU SAVON DE MARSEILLE


สบู่ดีๆ จากทั่วโลก

No comments:

Post a Comment