Thursday, July 31, 2014

ยืดเส้น ยืดสาย พิชิตโรคออฟฟิศ ซินโดรม (office syndrome)


การนั่งจ้องจอคอมพิวเตอร์มากว่าครึ่งค่อนวัน กับเก้าอี้ที่นั่งแล้วรู้สึกไม่สบายตัว จนทำให้รู้สึกปวดคอ ปวดหลัง ปวดไหล หากคุณมีอาการเหล่านี้ล่ะก็ ควรระวัง “โรคออฟฟิศซินโดรม” จะถามหากันไว้ด้วยนะคะ วันนี้แอดมินขอแนะนำท่าบริหารง่ายๆ แค่ขยับนิดขยับหน่อยก็สามารถห่างจากโรคออฟฟิศซินโดรมมาฝากกันค่ะ

ท่าที่ 1 >>> ท่านี้ช่วยยืดกล้ามเนื้อข้อมือและแขน ทำได้ง่ายๆ ค่ะ ก่อนอื่นประสานมือเข้าด้วยกันโดยหันฝ่ามือออกนอกตัว ยืดแขนออกไปข้างหน้า บิดขึ้นลงโดยให้ศอกขนานกับพื้น (คล้ายๆ ท่าบิดขี้เกียจ) ค้างไว้ท่าละประมาณ 5 วินาที ทำจนครบ 5 ครั้ง

ท่าที่ 2 >>> ท่ายืดกล้ามเนื้อร่างกายส่วนบน ประสานนิ้วมือเข้าด้วยกัน เหมือนกับท่าแรก แต่ท่านี้ให้ยืดฝ่ามือขึ้นเหนือศีรษะ หายใจเข้าลึกๆ ค้างไว้ประมาณ 10-15 วินาที หายใจออกในขณะที่ค่อยๆ ผ่อนมือลง ทำจนครบ 5 ครั้ง

ท่าที่ 3 >>> ท่ายืดกล้ามเนื้อไหล่และแขน ประสานมือไว้ด้วยกันเหมือนเดิมแล้วหันฝ่ามือออกนอกตัว แต่รอบนี้ยืดไปด้านหลังค่ะ จากนั้นยืดแขนขึ้นลงพร้อมๆ กัน โดยค้างไว้ประมาณ 3 วินาที ทำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 4 >>> บริหารกล้ามเนื้อหลังส่วนบนกันต่อ ประสานนิ้วมือเข้าด้วยกันไว้หลังศีรษะ โดยให้ข้อศอกทั้งสองด้านกางออกนอกลำตัวขนานกับบ่า ค่อยๆ ดึงไหล่เข้าออกพร้อมกัน โดยให้ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำ 5 ครั้ง

ท่าที่ 5 >>> ท่ายืดกล้ามเนื้อข้างลำตัว ไม่ยากเลยค่ะ ลำดับแรกให้ยกแขนซ้ายขึ้นเหนือศีรษะ หันฝ่ามือออกด้านหน้า งอแขนลงมาโดยให้มืออยู่บริเวณไหล่ขวา ใช้มือขวาดึงข้อศอกด้านซ้ายมาทางด้านหลังศีรษะ ให้รู้ว่าไหล่ และหลังยืดจนตึง ค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ทำอีกด้านเช่นเดียวกัน โดยทำข้างละ 3 ครั้ง

ท่าที่ 6 >>> ท่ายืดกล้ามเนื้อแขนและหลังส่วนบนกันเป็นท่าสุดท้ายค่ะ ให้ยืดแขนขวามาทางด้านซ้ายของลำตัว แล้วใช้มือซ้ายกุมที่ข้อศอก ดึงเข้าหาลำตัว โดยทำค้างไว้ประมาณ 5 วินาที ข้างละ 3 ครั้ง จากนั้นสลับข้างและทำเหมือนกัน

ทำเช่นนี้ทุกวัน ก็สามารถพิชิตโรคออฟฟิศซินโดรมได้แล้วละค่ะ อีกทั้งยังสามารถทำได้ง่ายๆ ในออฟฟิศ แถมยังใช้เวลาไม่มากอีกด้วย ทางที่ดีหนุ่มสาวออฟฟิศควรหมั่นลุกออกจากเก้าอี้บ้าง และพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ ด้วยการละสายตามองไปไกลๆ โดยทำประมาณทุกๆ 1-2 ชั่วโมง รวมถึงการจัดท่านั่งให้เหมาะสมก็จำเป็นเช่นกัน

ที่มา: www.facebook.com/Maeban.co.th

9 กิจกรรมทำสมองให้ Active

สาวๆ คนไหนที่อยากฝึกสมองให้ Active วันนี้เรามีกิจกรรมดีๆ มานำเสนอคะ เป็นกิจกรรมที่สาวๆ สามารถทำได้เอง วันหยุดว่างๆ ลองทำดูนะคะ


อยากลดพุงง่ายๆ ด้วย 3 อ. รับรองลดอ้วนได้แน่



12 แนวทางลดไขมันในอาหาร


วันนี้มีเกร็ดความรู้ดีๆ จากนิตยสารหมอชาวบ้าน มาฝากกันคะ เป็นแนวทางการลดไขมันในอาหาร ทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเองคะ 

1. ควรเลือกใช้น้ำมันพืชในการปรุงอาหาร ไม่ใช่น้ำมันหมู
2. ลดการกินอาหารทอดและแกงกะทิต่างๆ เช่น หมูทอด ไก่ทอด
3. ลดการกินขนมหวานที่ใส่กะทิหรือมะพร้าว แม้จะมีรสหวานน้อยก็ตาม ได้แก่ กล้วยบวชชี ขนมหม้อแกง
4. ลดการกินเป็ด ไส้กรอก หมูสับ หมูแฮม หมูยอ กุนเชียง (อาหารสำเร็จรูป อาหารแปรรูป เพราะมีไขมันแฝงมาก)
5. ลดการกินขนมอบ ขนมกรอบๆ ที่มีไขมันแฝงอยู่ เช่น มันฝรั่งทอด ถั่วชุปแป้งทอด โดนัต เค้ก คุกกี้ ขนมปังทาเนยอบกรอบ
6. เลือกกินเนื้อสัตว์ที่เป็นเนื้อล้วนๆ แยกเอาไขมัน และหนังออกให้หมด หรือเลือกกินเนื้อปลาที่มีไขมันปลาแทน สัปดาห์ละ 2-3 ตัว
7. กินอาหารประเภท ต้ม ต้มยำ แกงส้ม ยำ นึ่ง ย่าง อบ
8. กินผัก กินอาหารที่มาจากผักสด ไม่น้อยกว่าวันละ 2 มื้อ มื้อละ 2 ทัพพี
9. กินผลไม้สด ไม่น้อยกว่าวันละ 2 มื้อ มื้อละ 1 จานเล็ก
10. พยายามทำอาหารกินเอง ให้กินอาหารนอกบ้าน หรืออาหารสำเร็จรูปให้น้อยที่สุด
11. ดื่มนม ให้ดื่มนมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย แทนนมสดธรรมดา หรือดื่มนมถั่วเหลืองไม่หวานจัด สำหรับผู้ที่แพ้นมวัว
12. ลดการใช้น้ำตาลทราย วันละไม่เกิน 6 ช้อนชา (ประมาณ 24 กรัม)

ลองทำกันดูนะคะสาวๆ เพื่อสุขภาพที่ดีคะ 

Tuesday, July 15, 2014

วิธีเลือกที่เรียนโยคะฟลาย (Yoga Fly)


สวัสดีคะ สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาที่เรียนโยคะฟลาย (Yoga Fly) ที่มีคุณภาพ แต่ไม่รู้จะเลือกอย่างไรดี วันนี้เรานำเอาบทความดีๆ เกี่ยวกับเคล็ดลับการเลือกที่เรียนโยคะฟลาย (Yoga Fly) มาฝากกันคะ

คอร์สเรียน ก่อนอื่นดูคอร์สเรียนก่อนเลยคะ ว่าแต่ละที่ แต่ละสตูดิโอมีคอร์สเรียนที่เราสนใจไหม มีคอร์สนำเสนอมากน้อยแค่ไหน แต่ละคอร์สสอนอะไรบ้าง กี่ชั่วโมง ราคาเป็นอย่างไร บางที่ขายคอร์สราคาแพงนะคะ แต่พิจารณาดีๆ คอร์สนั้นอาจมีชั่วโมงมากกว่าอีกสตูดิโอ และมีคอร์สเสริมให้ เช่น คอร์สโภชนาการ ดูแลเรื่องการกิน ให้ความรู้ในการเลือกอาหารอย่างถูกวิธี หรือบางที่มีเสริมคอร์สเรียนแบบตัวต่อตัวให้ด้วย บางสตูดิโอมีจัดกิจกรรมเรียนโยคะฟลายแบบฟรี หรือมีส่วนลด โปรโมชั่นเพิ่มเติม เช่น หากเป็นลูกค้าใหม่ หากนำเพื่อนมาเรียนด้วย หรือหากสมัครสมาชิก ได้รับส่วนลด 5-10% คะ บางที่ทั้งถูกและดี มีโปรโมชั่นพร้อม เราต้องเลือกดูดีๆ คะ แนะนำให้หาข้อมูลที่เรียนแต่ละที่ไว้ก่อน จากนั้นนำข้อมูลมาใส่ตาราง เปรียบเทียบกันคะ

ตารางการเรียน ควรเลือกสถาบันหรือสตูดิโอที่มีตารางเวลาเรียนให้เลือกแบบหลากหลาย และตรงกับความต้องการของเรา เราจะได้ไม่ต้องเสียงาน หรือเสียเวลาที่จะทำอย่างอื่น

อาจารย์ผู้สอน อันนี้สำคัญมากๆ ต้องดูละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษคะว่าอาจารย์ผู้สอนมีใบรับรองวิชาชีพหรือไม่ มีความรู้ และประสบการณ์การสอนมากน้อยเพียงใด และใส่ใจนักเรียนมากแค่ไหน แนะนำให้โพสต์ในพันทิปเลยคะว่ามีอาจารย์สอนที่ไหนแนะนำบ้าง แต่ละท่านสอนอย่างไร บางท่านจะใส่ใจนักเรียนมาก มีเคล็ดลับการสอนเด็ดๆ และวิธีการสอนที่แตกต่างไปตามลักษณะนิสัยและความต้องการของผู้เรียน พร้อมกับกระตุ้นให้กำลังใจผู้เรียน บางท่านไม่ได้สอนแค่เรื่องโยคะฟลายอย่างเดียว ยังแนะนำเรื่องการดูแลสุขภาพ การทานอาหารอย่างถูกต้อง และการออกกำลังกายชนิดอื่นเสริมด้วย คือผู้เรียนได้ไปแบบเต็มๆ คะ ครูสอนดี ลูกศิษย์มีชัยไปกว่าครึ่งคะ

สถานที่ สำหรับสาวๆ ที่ทำงานในเมือง ต้องเร่งรีบตลอดเวลา และไม่มีเวลาว่างมากนัก แนะนำให้หาที่เรียนใกล้ๆ บ้านหรือทำงาน ที่เรียนที่ติดกับรถไฟฟ้า เราจะได้ไปมาได้สะดวก หรือหากมีรถเอง ควรหาที่เรียนที่มีที่จอดรถไว้บริการฟรีคะ

ห้องเรียน แนะนำให้ไปดูก่อนตัดสินใจซื้อคอร์สคะว่าห้องเรียนมีคุณภาพ มาตราฐานแค่ไหน ขนาดพื้นที่เป็นอย่างไร จุคนได้กี่คน และมีนักเรียนมากน้อยแค่ไหน หากรับนักเรียนมากไป อาจทำให้อาจารย์ผู้สอน หรือครูฝึกดูแลเราได้แบบไม่เต็มที่นะคะ ควรเลือกที่เรียนที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ปลอดโปร่ง ไม่มีกลิ่นเหม็นอับชื้น ไม่มีฝุ่น และสะอาดสะอ้าน นอกจากนี้ควรตรวจดูอุปกรณ์ว่าสะอาดหรือไม่ มีระบบดูแลอุปกรณ์ที่มีคุณภาพ มาตราฐาน และความปลอดภัยมากเพียงใด

มีประกันอุบัติเหตุ ข้อนี้หลายคนมองข้าม ควรตรวจเช็คคะว่ามีประกันอุบัติเหตุไหม ไม่ว่าสถานบันจะรับรองความปลอดภัยมากน้อยเพียงใด ก็ควรมีประกันอุบัติเหตุเสมอคะ เพราะหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เรายังพออุ่นใจว่าจะได้รับการคุ้มครอง ช่วยเหลือ ไม่ต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล เป็นหนี้หัวโต

บริการลูกค้า ข้อนี้ก็สำคัญไม่แพ้ข้ออื่นคะ ควรเช็คดูเลยคะว่าพนักงานดูแลลูกค้าเป็นอย่างไร มีความใส่ใจมากแค่ไหน มีข้อมูลที่เราต้องการให้มากน้อยเพียงใด และช่วยเหลือเรายามที่เรามีปัญหา และต้องการความช่วยเหลือมากน้อยแค่ไหน การบริการลูกค้าที่ดี พนักงานจะไม่รอให้ลูกค้าขอความช่วยเหลือ แต่จะสอบถามลูกค้าด้วยใบหน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส และน้ำเสียงอ่อนหวานว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือไหม และหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม เขาจะส่งข้อมูลให้ลูกค้าทันทีทั้งทางอีเมลล์ จดหมาย โทรศัพท์ หรือช่องทางอื่นๆ ที่ลูกค้าสะดวก การบริการที่ดีนอกจากทำให้เราสบายใจแล้ว ยังทำให้เราอุ่นใจว่ามีคนคอยดูแล ช่วยเหลือเมื่อเราต้องการ คุ้มค่ากับเงินที่เราเสียไปคะ

พอมีหลักการคร่าวๆ แล้ว ลองเลือกหาที่เรียนดูนะคะ หากที่เรียนทีมองหามีครบทุกข้อก็อย่ารีรอคะ ตัดสินใจได้เลย

บทความโดย นันทพร คำยอด