Wednesday, December 18, 2013

เคล็ดลับหน้าอ่อนกว่าวัย


ใครๆก็อยากมีอายุยืนยาว เป็นหนุ่มเป็นสาวพันปี หมื่นปี และมีใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณผ่องใส เนียนนุ่มเหมือนทารกแรกเกิด จริงๆ แล้วใครๆ ก็ทำได้คะ ลองอ่านเคล็ดลับนี้ดูสิคะ

 1. บริหารสมองเป็นประจำไม่ให้ฝ่อหรือเสื่อมไว ทำได้ด้วยการอ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ดูหนัง หรืออาจเล่นเกมไขปริศนาอักษรหรือ crosswords น่าสนุกดีออก

 2. เสริมร่างกายให้ฟิตอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ และเสริมสร้างร่างกายด้วยผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์กับร่างกาย และหมั่นไปออกกำลังกาย วิ่งไล่จับหรือปั่นแปะบ้างก็ได้ ขืนอยู่นิ่ง ๆ นาน ๆ จะเป็นอัมพาตเอานะ

3. ห้ามโดนแสงแดดแรงจัด นาน ๆ ถ้าคุณไม่เคยทำตัวเป็นคุณนายถือร่มกันแดดกันลมติดตัวตลอดเวลาก็ทำซะเถิด ไม่งั้นก็ต้องพึ่งครีมกันแดดแล้วล่ะคะ

 4. แวดล้อมไปด้วยเพื่อนดี ๆ เชื่อเถอะอยู่ท่ามกลางฝูงชน จะช่วยให้ร่างกายและจิตใจเบิกบานสดใส ถ้ากำลังมีเรื่องมีราวอะไรทุกข์ใจ อยากระบายความในใจก็ทำได้ ทันที หายเครียดเร็วเป็นปลิดทิ้ง โอ้ย อย่างนี้ไม่ชอบได้ไงละ

 5. ขยันทำสมาธิ และควบคุมน้ำหนักตัวเอง ทำได้เท่านี้จิตใจก็เป็นสุข แล้วหละ

ที่มา: www.shape.in.th

Monday, December 16, 2013

8 ความลับของสาวสวยสุดเซ็กซี่


ในขณะที่คนซึ่งน้ำหนักเกินส่วนมากนั้นมักที่จะหมกมุ่นอยู่กับเรื่องการกินมากซะเป็นส่วนใหญ่ เราลองมาแอบดูว่าคนผอมๆ นั้นทำหรือไม่ทำอะไร แล้วคุณจะเลียนแบบพวกเธอได้ยังไงกัน

1 . พวกเธอบอกว่าความหิวนั้นไม่ได้เป็เรื่องเร่งด่วน

คนส่วนใหญ่ที่ดิ้นรนกับเรื่องน้ำหนักตัวนั้นมักที่จะมองความหิวเป็นสิ่งที่ต้องจัดการอย่างเร่งด่วน ดังนั้น ถ้าคุณกลัวว่าคุณจะหิว คุณก็อาจกินมากเกินไปอยู่เสมอๆ แต่คนผอมๆ นั้น มักจะทนมันได้มากกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงมัน

การเลียนแบบ เลือกวันที่เรายุ่งๆ เพื่อที่จะเลื่อนเวลาอาหารกลางวันออกไปอย่างจงใจสักหนึ่งหรือสองชั่วโมง หรือลองพยายามงดของว่างมื้อบ่ายสักหนึ่งวัน คุณก็จะเห็นได้ว่าตัวเองนั้นก็ยังสบายดีอยู่ จากนั้น ครั้งต่อไปที่คุณได้ยินเสียงท้องร้อง คุณก็จะสามารถควบคุมตัวเองไม่ให้วิ่งเข้าหาของกินในทันทีได้

2. พวกเธอต้องรู้จักการควบคุมตัวเอง

งานวิจัยที่มหาวิทยาลัย Tufts พบว่า ปัจจัยที่จะทำนายได้ถึงการมีน้ำหนักขึ้นของผู้หญิงในวัย 50 และ 60 คือระดับของความยับยั้งชั่งใจ ผู้หญิงที่มีความยับยั้งชั่งใจสูงนั้นจะมีดัชนิมวลกายจะต่ำกว่า

การเลียนแบบ เตรียมพร้อมไว้สำหรับในช่วงเวลาที่คุณมักจะขาดความยับยั้งชั่งใจอย่างมาก เช่น ท่ามกลางบรรยากาศการเฉลิมฉลองหรือเวลาอยู่กับเพื่อน ถ้าคุณชอบกินตอนงานเลี้ยง ก็บอกตัวได้เองว่าคุณจะกินของว่างแค่หนึ่งชิ้นในรอบที่สี่ ซึ่งมันถูกส่งผ่านมา ถ้าหากคุณกินมื้อค่ำนอกบ้านลองสั่งอาหารมาแบ่งกันกับเพื่อน หรือถ้าคุณเครียด ก็ให้แน่ใจว่าคุณมีของว่างที่เคี้ยวได้ (อย่างเช่น ผลไม้หรือแครอตแท่ง) เอาไว้ใกล้ๆตัว

3. พวกเธอกินอาหารที่พวกเธอพึงพอใจมากกว่าที่จะกินให้แน่นท้อง

ในอัตราความอิ่มจาก 1 ถึง 10 ผู้หญิงที่รูปร่างผอมนั้นจะหยุดกินเมื่อถึงระดับ 6 หรือ 7 ขณะที่คนส่วนใหญ่นั้นมักกินต่อไปจนถึงระดับ 8 หรือ 10 มันอาจเพราะคุณสำคัญผิดระหว่างความอิ่มกับความพึงพอใจ หรือคุณนั้นอาจเคยชินที่จะต้องกินอาหารที่วางอยู่ตรงหน้านั้นให้หมดไม่ว่าที่จริงนั้นคุณไม่รู้ว่าคุณนั้นต้องการมันหรือไม่

การเลียนแบบ เพื่อกินแบบเดียวกับผู้มีรูปร่างผอม วางช้อนลง และประเมินความอิ่มจากอัตราส่วน 1 ถึง 10 ทำแบบเดียวกันอีกครั้ง เมื่อเหลือสักห้าคำ เป้าหมายนั้นก็คือเพิ่มความรู้ตัวถึงความพึงพอใจของตัวเองในระหว่างการกิน (มันยังจะทำให้คุณกินได้ช้าลงซึ่งมันให้โอกาสความอิ่มนั้นส่มาจากสมอง)

4. พวกเธอไม่ชอบอยู่นิ่งๆ

โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงรูปร่างผอมจะยืนมากกว่า 2 ชั่วโมงครึ่งทุกวัน มันสามารถช่วยเผาผลาญได้ 33 ปอนด์ต่อปี นี่เป็นผลจากการศึกษาของลินิกเมโย ในเมืองโรเชลเตอร์ สหรัฐฯ

การเลียนแบบ การศึกษานั้นแสดงให้เห็นว่าคนเรานั้นมักที่จะประเมินความแอ็คทีฟของตัวเองเกินไป คนส่วนใหญ่มักจะใช้เวลา 16-20 ชม. ในแต่ละวันไปกับการนั่ง ลองใส่เครื่องนับก้าวเพื่อดูว่าคุณเข้าใกล้จำนวน 10,000 ก้าวแค่ไหน และในแต่ละวันคุณควรออกกำลัง 30 นาที รวมกับการเคลื่อนไหวอื่นๆ เช่น การเดินขึ้นลงบันได เป็นต้น

5. พวกเธอนอนหลับสนิท

ผู้หญิงหุ่นดีบางคนมักนอนมากกว่า 2 ชม. ต่อสัปดาห์ เมื่อเทียบกับคนที่น้ำหนักเกิน งานวิจัยของโรงเรียนแพทย์อีสเทิร์นเวอร์จิเนียบอกเช่นนั้น นักวิจัยเชื่อว่าการนอนน้อยทำให้ระดับของฮอร์โมนที่ช่วยกดความอยากอาหาร (Lepfin) ต่ำลง และระดับของฮอร์โมนที่เพิ่มความอยากอาหาร (Ghrelin) สูงขึ้น

การเลียนแบบ ลองประมาณ 1 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ก็คือประมาณ 17 นาที/ต่อวัน ซึ่งสามารถทำได้ง่ายกว่ามาก แม้คุณจะงานยุ่งเพียงใดก็ตาม เริ่มต้นตรงนั้นและค่อยๆ เพิ่มเวลานอนให้ได้วันละ 8 ชม. ในแต่ละคืน ซึ่งเป็นปริมาณที่เหมาะสมที่สุดสำหรับทุกคน

6. พวกเธอไม่ใช้อาหารเพื่อเยียวยาอารมณ์เศร้า

ไม่ใช่ว่าผู้หญิงรูปร่างผอมบางมีภูมิด้านทานต่อการกินตามอารมณ์หรอก แต่ว่าพวกเธอมักจะรู้ตัวว่า เวลาที่ทำอย่างนั้นและหยุดมันได้

การเลียนแบบ ถ้าหากว่าคุณนั้นหิวจริงๆ กินของว่างที่มีประโยชน์ อย่างเช่นถั่วหนึ่งกำมือ เพื่อหยุดความหิวเอาไว้ ก่อนที่จะรออาหารมื้อต่อไป แต่ถ้า คุณหงุดหงิด เหงา หรือเหนื่อย ลองหาทางออกที่ปราศจากแคลอรี่ เช่น ออกไปวิ่งหรือกระโดดโลดเต้นไปมารอบๆ อัตราการเต้นของหัวใจที่เพิ่มขึ้นนั้นจะไปช่วยให้ความโกรธหายไป เหงาก็โทรหาเพื่อนสิ หรือไม่ก็ไปเดินเล่นที่ศูนย์การค้าหรือถ้าเหนื่อยก็ไปนอนเสียดีกว่า

7. พวกเธอกินผลไม้มากกว่า

งานวิจัยเมื่อปี 2006 ใน Journal of the American Dieletic Association ระบุว่า โดยเฉลี่ยแล้วผู้หญิงรูปร่างผอมบาง มักกินผลไม้มากกว่าหนึ่งครั้งในแต่ละวัน กินเส้นใยอาหารมากกว่าและกินไขมันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอ้วน

วิธีเลียนแบบ ลองเริ่มสำรวจการกินของคุณเพื่อหาทางเพิ่มผลไม้ (ไม่ใช่น้ำผลไม้นะ) เข้าไป ตั้งเป้ากินให้ได้สองหรือสามส่วนต่อวัน เช่น เพิ่มผลไม้ลงไปในอาหารแต่ละมื้อ หรือกินผลไม้เป็นของหวาน

8. พวกเธอนั้นสร้างความเคยชิน

การกินอาหารที่หลากหลายนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าหากหลากหลายมากจนเกินไปละก็มันอาจส่งผลเสียได้ งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าการกินอาหารที่มีรสชาติแตกต่างกันมากเกินไปทำให้คุณนั้นยิ่งกินมากขึ้น คนผอมนั้นมักที่จะมีรูปแบบของการกินที่วางแผนมาแล้วอย่างดี มีของแปลกๆ เพิ่มเข้ามา 2-3 อย่าง แต่ส่วนใหญ่อาหารที่พวกเะอกินนั้นจะคาดเดาได้

การเลียนแบบ ลองกินอาหารหลักๆ ซ้ำๆกันในแต่ละมื้อ เช่น กินซีเรียลตอนเช้า กินสลัดตอนกลางวัน กินปลาตอนเย็น เป็นต้น มัน OK ที่จะเพิ่มทูน่าหรือไก่ย่าง เข้าไปกับสลัดผักในบางมื้อ แต่การกินกับอาหารหลักๆ ที่เดาได้ จะทำให้คุรนั้นไม่กินมากจนเกินไป

ที่มา: www.shape.in.th

Friday, December 13, 2013

อาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ สามารถช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ ?


ก่อนอื่นก็ต้องขอบอกไว้ก่อนเลยค่ะว่า คนส่วนใหญ่ที่มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นนั้น ไม่ใช้เพียงแค่เพราะว่ากินอาหารที่มีปริมาณของไขมันที่มากจนเกินไปหรอกค่ะ แต่จริงๆ แล้วเป็นเพราะว่าได้กินอาหารที่มีแป้งและน้ำตาลที่มากจนเกินไปต่างหากล่ะคะ เพียงเพราะกลัวว่าตัวเองนั้นจะกินอาหารที่มีไขมันมากจนเกินไป ก็เลยต้องไปกินอาหารอย่างอื่น หรืออาหารพวก Fat Free กันแทน แถมยังกินในปริมาณที่ไม่อั้นด้วย เพราะมีความคิดที่เชื่อว่าถึงจะกินเยอะยังไงก็คงจะไม่อ้วนหรอก แต่นั่นแหละเป็นตัวการที่ไปเพิ่มน้ำหนักของตัวคุณเองแทนที่จะลดค่ะ

นอกจากนี้แล้ว อาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำกว่า 20% จะทำให้คุณมีความรู้สึกว่าไม่อิ่ม และยังสามารถได้กินในปริมาณที่มากกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ การกินอาหารที่มีปริมาณไขมันอย่างพอดี จะช่วยทำให้คุณมีความรู้สึกอิ่ม และพึงพอใจกับการกินครั้งนั้นๆ ทำให้ไม่อยากอาหารเร็วจนเกินไปคะ

อาหารที่มีปริมาณไขมันต่ำ หรือ Fat Free นั้นก็เป็นอันตรายต่อสุขภาพร่างกายของเราด้วย เพราะเป็นการเพิ่มอัตราความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ ซึ่งจะทำให้ไขมันที่เป็นไขมันชนิดดีในเส้นเลือดมีปริมาณที่ลดลง และจะไปกระตุ้นระดับของไตรกลีเซอไรด์ และยังจะเพิ่มอัตราความเสี่ยงของการเป็นโรคเกาต์และโรคนิ่วอีกด้วยนะคะ และที่สำคัญการลดปริมาณของไขมันมากจนเกินไปทุกวัน ก็จะทำให้ร่างกายนั้นต้องไปเอาไขมันในร่างกายมา ใช้ในรูปของเอนไซม์ซึ่งเรียกว่า ไลโปโปรตีนลิปพาส ซึ่งจะไปช่วยเพิ่มปริมาณในการกักเก็บไขมันภายในร่างกายให้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีต่อสุขภาพเท่ากับว่าได้รับไขมันจากอาหารเช่นกันเลยค่ะ

นอกจากนี้อาหารที่ปราศจากไขมัน ก็จะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารไฟโตเคมิเคิลช่วยในการต่อต้านโรคที่มีอยู่ในผักและผลไม้ เช่น การราดน้ำสลัดที่ไม่มีไขมันนั้น จะทำให้ความสามารถในการดูดซึมสารอาหารจากผักต่างๆ ลดลง เนื่องจากว่าสารอาหารต่างๆ เหล่านี้ จะต้องมีไขมันเพื่อช่วยในการดูดซึมสารอาหารเหล่าไปใช้ในร่างกายด้วยคะ

ที่มา: www.shape.in.th

Thursday, December 12, 2013

มหัศจรรย์แห่งเชียร์บัตเตอร์ (Shea Butter)


กระแสตอนนี้ที่ประเทศญี่ปุ่นหลายบริษัทได้สั่งเชียร์บัตเตอร์เข้ามาเป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง เพราะผลทดลองทางเคมีรับรองว่าสามารถช่วยในด้านผิวพรรณ โดยเฉพาะผิวที่แห้งและแพ้ง่าย นั่นก็กลายเป็นโชคดีของชาวบ้านทางตอนเหนือของชาวกาน่า ทางแอฟริกาตะวันตก เพราะเชียบัตเตอร์ที่พวกเขาปลูกสามารถทำรายได้หลักให้ครอบครัว นำมาจุนเจือรายจ่ายต่างๆ

เชียบัตเตอร์เป็นสารสกัดธรรมชาติ จากเชียนัท (shea nut) เมล็ดที่ได้จากต้น African shea tree อันเป็นพืชพื้นเมืองของพวกชาวแอฟริกา คุณค่าทางโภชนาการที่ได้จากน้ำมันเชีย เหมือนสมุนไพรชนิดพิเศษที่ให้วิตามิน A, D, E, F, โปรตีนและใยอาหาร สามารถเข้าดูแลถึงชั้นผิวในสุด ช่วยฟื้นฟูผิว ปกป้องเซลล์ผิวที่ถูกทำลาย ผิวแห้ง ผิวแตก และช่วยลบรอยเหี่ยวย่น กระตุ้นเซลล์ผิวให้มีชีวิตชีวา ยืดหยุ่น ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอย่างอ่อนโยน ช่วยฟื้นฟูผิวจากรอยแผลเป็น ต่อต้านการอักเสบจากรอยแผล ผิวแตกลายจากการขยายตัวเช่น จากความอ้วน หรือคุณแม่ตั้งครรภ์, รอยแผลเป็นจากความร้อน เชียบัตเตอร์เป็นสารบริสุทธิ์ จึงดีต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง



เมื่อเราอายุมากขึ้นเซลล์ผิวหนังจะเป็นรูมากขึ้นและยืดหยุ่นน้อยลง เมื่อใช้เชียบัตเตอร์ซึ่งจะเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวและทำให้เซลผิวหนังกลับมายืดหยุ่นดังเดิม และเมื่อใช้อย่างสม่ำเสมอเซลล์ผิวจะปล่อยให้ความชื้นซึมผ่านเซลล์เข้ามาใน ขณะเดียวกันก็จะรักษาความชื้นให้คงอยู่ได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ เชียบัตเตอร์ คือ ครีมวิตามินเอจากธรรมชาติแท้ๆ วิตามินเอนี้จะช่วยปรับสภาพและฟื้นฟูผิวไม่ว่าจะเป็นรอยเหี่ยวย่น (wrinkle) ผื่นคัน (eczema) ผิวหนังอักเสบแบบไม่ร้ายแรง (dermatitis) ยังให้ผลดีกับอาการแพ้ที่ผิวหนัง แมลงกัดต่อย แดดเผา (sunburn) หิมะกัด (frostbite) และอาการทางผิวหนังอื่นๆ

ทุกๆ บ้านควรจะมีเชียบัตเตอร์ ครีมสารพัดประโยชน์ติดบ้านไว้สัก 1 กระปุก ไม่ว่าจะเอาไว้ใช้เป็นครีมบำรุงผิวเป็น moisturize หรือครีมหน้าใส ลดรอยเหี่ยวย่น หรือจะใช้สำหรับรักษาอาการทางผิวเล็กๆ น้อยๆ แมลงสัตว์กัดต่อยโดยไม่มีอันตราย เรียกได้ว่า "Shea Butter" คือเพื่อนที่ดีที่สุดของผิวหนังเลยละคะ

สำหรับสาวๆ  ที่สนใจอยากจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จากเชียบัตเตอร์เพื่อบำรุงผิวพรรณ เราขอแนะนำ Shea butter soap bio - Lavande และ Shea butter soap bio - Rose สบู่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว กระตุ้นเซลล์ผิวหนังให้เพิ่มประสิทธิภาพกักเก็บความชื้น ผิวนุ่มและเนียนขึ้นโดยไม่รู้สึกเหนอะหนะ ไม่ก่อให้เกิดการอุดตันของรูขุมขน ผสมผสานกลิ่นหอมจากดอกกุหลาบและลาเวนเดอร์ อาบสะอาดและหอมติดทนนานตลอดทั้งวัน

สามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com



Saturday, December 7, 2013

นมกับการลดน้ำหนัก


การดื่มน้ำนั้นให้ประโยชน์หลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการเสริมสร้างร่างกาย และสุขภาพให้แข็งแรง สมบูรณ์ ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งสดใส และเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้แข็งแรง ถ้าในวัยเด็กและวัยหนุ่มสาว ร่างกายเรามีการสะสมแคลเซียมไว้เพียงพอ จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน กระดูกเปราะ และยังช่วยในเรื่องของฟันอีกด้วย แต่ถ้าใครมีไม่เพียงพอ จะทำให้เสี่ยงต่อโรคกระดูกเปราะได้ง่ายคะ

ความจริง ประโยชน์ของแคลเซียมในน้ำนมไม่ได้มีแค่นั้น ยังทำหน้าที่ยืดหดของกล้ามเนื้อ ช่วยให้ระบบประสาทไวต่อสิ่งเร้ามากขึ้น ช่วยให้เลือดแข็งตัว

นอกจากนี้ยังช่วยลดความอ้วนอีกด้วยคะ หลายคนเข้าใจผิดคิดว่านมจะทำให้อ้วน อันนี้ไม่จริงเลยคะ หากลองได้อ่านข้อมูลจากบรรทัดข้างล่างจนถึงบรรทัดสุดท้ายของบทความ เชื่อว่าหลายคนจะเปลี่ยนความคิด หันมาดื่มนมกันมากขึ้นคะ

ในหลายประเทศทั้งสหรัฐและยุโรป มีการศึกษาและวิจัยกันอย่างกว้างขว้างในเรื่องการดื่มนมเพื่อลดน้ำหนัก มีการวิจัยหนึ่ง ได้ทดลองให้เด็กวัยรุ่นที่อยู่ในโปรแกรมลดน้ำหนักดื่มนมพร่องมันเนย พบว่ากลุ่มเด็กที่ดื่มนมพร่องมันเนยสามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่ากลุ่มที่ไม่ได้ดื่มนม

นอกจากนี้ยังมีการทดลองในสหรัฐอเมริกา ในระยะเวลา 24 สัปดาห์ พบว่า ผู้ที่บริโภคนมพาสเจอร์ไรซ์ไขมันต่ำในปริมาณ 3-4 ขวด หรือจะให้นับง่ายๆ ก็เท่ากับการดื่ม นมสดเมจิพาสเจอร์ไรซ์ชนิดพร่องมันเนยขนาด 180 มิลลิลิตรจำนวน 3-4 ขวด ต่อวัน จะสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ดื่มนม สูตรนี้จะช่วยพิชิตพุงน้อยๆ ของเรา  เพราะนมจะช่วยในการช่วยเผาผลาญไขมันบริเวณหน้าท้องได้เป็นอย่างดี

และนักวิจัยในต่างประเทศยังได้ทำการติดตามคนอ้วนกว่า 300 คนที่มีอายุระหว่าง 40-65 ปี ซึ่งทำการควบคุมน้ำหนักด้วยการรับประทานอาหารไขมันต่ำ, คาร์โบไฮเดรตต่ำ หรือการไดเอทแบบเมดิเตอร์เรเนียน เป็นระยะเวลากว่า 2 ปี ผลที่ได้จากการติดตามพบว่ากลุ่มที่มีการรับประทานแคลเซียมสูง ประมาณ 580 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบเป็นนม 2 แก้ว สามารถลดน้ำหนักได้ถึง 12 ปอนด์ใน 2 ปี ส่วนกลุ่มที่รับประทานต่ำเพียง 150 มิลลิกรัม หรือเทียบเป็นนมเพียงครึ่งแก้วต่อวัน ลดน้ำหนักได้แค่ 7 ปอนด์

นักวิจัยได้อธิบายความแตกต่างว่า นมนั้นจะไปช่วยเพิ่มระดับพลังงานในร่างกาย ทำให้เกิดการเผาผลาญได้ดี“ นมช่วยให้เรารู้สึกอิ่ม และเกิดความพึงพอใจ ทำให้ไม่นึกอยากกินอาหารที่มีน้ำตาล เครื่องดื่มซอฟต์ดริ๊งค์ น้ำผลไม้หวาน ๆ หรือเครื่องดื่มโซดาทั้งหลาย”

นอกจากนั้น ยังมีการวิจัยเพิ่มเติมว่าในน้ำนมมีวิตามินดีที่ส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักได้ดีกว่า…โดยระดับวิตามินดีที่มีการแนะนำไว้ต่อวันคือ 400 มิลลิกรัม หรือเทียบได้กับนมโลว์แฟต หรือนมพร่องมันเนย 4 แก้ว

ในการดื่มนมเพื่อลดความอ้วนนี้ ควรเลือกนมชนิดที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง แต่ให้พลังงานต่ำ อย่างเช่น นมสดเมจิพาสเจอร์ไรซ์พร่องมันเนย นมสดเมจิพาสเจอร์ไรซส์สูตรแคลเซียมสูง หรือโยเกิร์ตพร้อมดื่มพร่องมันเนย โดยต้องเป็นรสธรรมชาติหรือรสจืด เพราะปราศจากน้ำตาล

ติดนมสดไว้ในตู้เย็นหรือที่โต๊ะทำงานเพื่อพร้อมดื่มวันละ 3-4 ขวดอยู่เสมอทุกๆ ครั้งที่หิว หรืออยากรับประทานของหวานจุกจิก นอกเหนือจากมื้ออาหาร อาจรับประทานร่วมกับธัญพืช หรือผลไม้ หรือจะใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องดื่มหรืออาหารชนิดต่างๆ เช่นการใส่นมไขมันต่ำลงในกาแฟ เติมลงในซุปถ้วยโปรด หรือปั่นผสมกับผลไม้สดเป็นสมูทตี้แสนอร่อย (อย่าใส่น้ำเชื่อมหรือน้ำตาลล่ะ) ด้วยวิธีการปรุงอาหารที่ไม่อุ่นร้อนเกินไปจนนมสูญเสียแคลเซียม

อย่าลืมล่ะ.. แค่ดื่มนมสดเพียง 3-4 ขวดต่อวันเท่านั้น รับรองว่าลดน้ำหนักได้แน่นอน คอนเฟิร์มคะ

ดื่มนมเวลาไหนดีกับร่างกายที่สุด


สำหรับหนุ่มสาวมนุษย์กลางคืนที่เพิ่งมาเริ่มต้นวันเอาช่วงเที่ยงนั้นคงต้องบอกว่าไลฟ์สไตล์ของคุณนั้นทำให้ร่างกายรวนเร เพราะถ้าเลยมาจนเที่ยงแล้วยังไม่มีอาหารตกถึงท้องเลยล่ะก็นั่นแปลว่าน้ำตาลในเลือดกำลังต่ำ   เมื่อตื่นขึ้นมาคุณก็จะไม่รู้สึกสดชื่นเท่าที่ควร    ทีนี้มาดูกันต่อว่าในช่วงเที่ยงนั้น  ร่างกายของเรายังคงเดินหน้าทำอะไรกันบ้าง

12.00-15.00 ช่วงเที่ยงและบ่ายเป็นช่วงของการทำงานของระบบย่อยอาหารอย่างกระเพาะและลำไส้เล็ก  กระเพาะจะหลั่งกรดออกมาในช่วงเที่ยง   การดื่มนมเปรี้ยวตามหลังอาหารจะช่วยให้ลำไส้เล็กย่อยและดูดซึมสารอาหารดีขึ้น

15.00-17.00 เป็นช่วงเวลาของกระเพาะปัสสาวะ   ควรดื่มน้ำผลไม้เพื่อให้มีการขับปัสสาวะ

17.00-21.00 หลังเลิกงานเป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การกระตุ้นการไหลเวียนเลือด  เยื่อหุ้มหัวใจ  ยิ่งสำหรับผู้สูงอายุความดันโลหิตจะต่ำลง   การออกกำลังกายจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและความดันให้เหมาะสม    ช่วงนี้ร่างกายต้องการวิตามินซีและอีสูงแต่เป็นช่วงเวลาที่ไม่ควรทานอาหารมื้อหนัก

21.00-23.00 เป็นช่วงเวลาที่ต้องทำให้ร่างกายอบอุ่น  และยังเป็นช่วงที่ร่างกายจะสามารถรับแคลเซียมได้มากที่สุด  ดังนั้นการดื่มนมอุ่นๆ ซักแก้วก่อนเข้านอนจะช่วยทั้งควบคุมอุณหภูมิในร่างกายและทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียม

23.00-05.00 เป็นช่วงเวลาของการปล่อยให้ร่างกายพักผ่อนเพื่อให้ตับหลั่งสารมีราโทนิน (Meratonin) มาฆ่าเชื้อโรค  เพื่อขจัดสารพิษให้ร่างกาย  ไม่ให้มีสารตกค้างทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง คนที่นอนดึกอาจจะทำให้ตับทำงานได้ไม่เต็มที่ทำให้ร่างกายไม่ได้ระบายของเสียออกไป  การให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มอิ่มในช่วงนี้จะช่วยเตรียมร่างกายให้พร้อมตื่นขึ้นมารับวันใหม่อย่างสดชื่น

อย่าลืมว่าร่างกายไม่มีปุ่ม Alt+ Ctrl+Del  ให้รีเซ็ตชีวิตได้ใหม่      ถ้าไม่สามารถปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ให้ตรงกับระบบนาฬิกาชีวิต   อย่างน้อยการเลือกดื่มนมที่เอื้อต่อการทำงานของอวัยวะในร่างกายแต่ละช่วงก็น่าจะช่วยชดเชยหรือฟื้นฟูร่างกายได้  

ที่มา: www.cpmeiji.com


บำรุงผิวสวยด้วยน้ำนมลา


การดื่มนมเป็นประจำนอกจากจะทำให้สุขภาพดีแล้ว ยังช่วยให้กระดูกแข็งแรง และทำให้ผิวพรรณดูอ่อนเยาว์ มีน้ำมีนวลอีกด้วย

นอกจากดื่มนมเป็นประจำทุกวันแล้ว เรายังสามารถบำรุงผิวพรรณให้ดูสวยเปล่งปลั่งได้ด้วยผลิตภัณฑ์จากนม โดยเฉพาะ "นมลา"

น้ำนมลา (donkey milk) ถูกนำมาใช้ในการบำรุงผิวพรรณตั้งแต่ยุคอิยิปต์โบราณ ย้อนไปนับพันปี พระนางคลีโอพัตราผู้เลื่องลือเรื่องความงามทั้งใบหน้าและผิวกายที่เนียนนุ่มจนสยบกษัตริย์มาหลายต่อหลายพระองค์ ก็มีสูตรลับสุดคลาสสิกตลอดกาลที่ทำให้พระนางคงความสวยอยู่เสมอ คือการแช่พระวรกายในอ่างที่เติมน้ำนมลาสดลงไป หรือที่เรารู้จักกันดีว่าเป็นการอาบน้ำนมนั่นเอง

น้ำนมลาอุดมด้วยวิตามิน A, B1, B2, B6, C, D เกลือแร่และธาตุหลากหลายชนิด เซราไมด์ (แคลเซียมเหล็กแมกนีเซียมฟอสฟอรัส) อีกทั้งกรดแลกติก ที่ทำหน้าที่เป็นกรดไฮดรอกซีอัลฟาธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารที่ละลายเซลล์ผิวที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกได้โดยง่าย รวมถึงน้ำนมสามารถทำความสะอาดผิวได้ลึกลงไปจนถึงชั้นผิวชั้นใน และโปรตีนในนมสดจะกระตุ้นเซลล์ผิวให้ผลิตคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ผิวจึงมีความยืดหยุ่น นุ่มนวลขึ้นได้ง่ายๆ

สำหรับสาวๆ  ที่สนใจอยากจะทดลองใช้ผลิตภัณฑ์จากนมลาเพื่อบำรุงผิวพรรณ เราขอแนะนำสบู่เหลว และสบู่ก้อนจากประเทศฝรั่งเศส (Beauty French soap "Savon de Marseille" Donkey milk shower gel and soa) โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com


 

Friday, December 6, 2013

คำคมดีๆ เพื่อส่งเสริมกำลังใจ

ในช่วงที่สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวายเช่นนี้ หลายคนคงเครียด และวิตกกังวลไม่น้อย นอกจากการปล่อยวาง และทำใจให้สบายแล้ว การรับสารดีๆ การอ่านสิ่งดีๆ เพียงข้อความสั้นๆ ก็จะช่วยทำให้มีกำลังใจดีอยู่ไม่น้อย และวันนี้เราก็มีข้อคิด คำคมดีๆ มาฝากกันคะ


การศึกษาเป็นอาวุธที่มีพลัง
ที่เราสามารถใช้เปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้


ความงามนั้นไม่ได้หมายถึงการมีใบหน้าที่งดงาม
แต่หมายถึงการมีความคิด จิตใจที่ดี 
และสำคัญที่สุด คือการมีจิตวิญญาณที่งดงาม


ผมไม่สนใจหรอกว่าใครจะผิวดำ ผิวขาว 
รักเพศเดียวกัน หรือเพศตรงข้าม หรือได้ทั้งสองเพศ
เป็นเกย์ เลสเบียน
ต่ำ สูง อ้วน ผม รวย หรือจน
ถ้าคุณดีกับผม ผมก็ดีกับคุณเช่นกัน


เราก็เป็นเหมือนคนอื่นบนโลกนี้ที่สมควรได้รับการความรักและความเคารพ


ร่างกายของเรานั้นทำให้เราดูเซ็กซี่
รอยยิ้มทำให้เราดูน่ารัก
แต่บุคลิกภาพของเราทำให้เรางดงาม


อย่าหยัดเยียดตัวเองให้เข้าไปอยู่ในชีวิตของใคร
ถ้าเรามีค่าเพียงพอสำหรับใครคนหนึ่ง
เขาจะสร้างพื้นที่ว่างให้เราเข้าไปอยู่เอง


อย่าเพิกเฉยกับคนๆ หนึ่งที่รักเรา
เป็นห่วงเรา
คิดถึงเรา
เพราะวันหนึ่ง
เราอาจตื่นขึ้นมา และคิดได้ว่า
เราได้สูญเสียพระจันทร์
ในขณะที่นั่งนับดวงดาว


ฉันเรียนรู้ที่จะให้
ไม่ใช่เพราะฉันนั้นมีมาก
แต่เพราะฉันรู้ว่าความรู้สึกที่ไม่มีอะไรเลยนั้น
เป็นเช่นไร


หากคุณสามารถที่จะจิตนาการ
คุณก็สามารถที่จะทำให้มันสำเร็จ
และหากคุณสามารถฝััน
คุณก็สามารถที่จะทำให้ฝันนั้นเป็นจริงได้เช่นกัน


น้ำทะเลในมหาสมุทรอันกว้างใหญ่
ไม่สามารถทำให้เรือล่มได้
ถ้าน้ำนั้นไม่เข้าไปในเรือ
ก็เหมือนกับคนเรานี่แหละ
เรื่องร้ายๆ ในโลกนี้ไม่สามารถทำอะไรเราได้
จนกว่าเราจะรับมันเข้าไปในใจของเรา


คนมากมายมักกล่าวว่าเราควรที่จะหาคนดี แล้วทิ้งคนเลวไปเสีย
แต่จริงๆ แล้ว เราควรหาข้อดีของคนอื่นให้เจอ 
พร้อมกับเพิกเฉยข้อเสียของเขา
เพราะจริงๆ แล้วไม่มีใครสมบูรณ์พร้อมไปทุกอย่างหรอก


บางครั้งการทำความเข้าใจก็สำคัญมากกว่า ความชอบธรรม
บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องมีความคิดที่หลักแหลมเพื่อที่จะพูดกับคนอื่น
แต่ควรมีหัวใจที่อดทนที่จะรับฟัง
ไม่จำเป็นต้องมีสายตาที่แหลมคมที่เห็นข้อผิดพลาดอยู่เสมอ
แต่มีอ้อมแขนที่พร้อมจะยอมรับความผิดพลาด
ไม่จำเป็นต้องมีมือที่คอยชี้ว่าสิ่งไหนผิด
แต่เป็นมืออันอ่อนโยนที่คอยนำทางผู้คนไปข้างหน้า


ถ้าเรามัวแต่รอเวลาที่ทุกอย่างพร้อม
เราก็ไม่ได้เริ่มต้นสักที


คนที่มีความสุขไม่ใช่คนที่มีเพียบพร้อมด้วยสิ่งที่ดีที่สุด
แต่เขาเพียงแค่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งที่ดีที่สุด


วุฒิภาวะนั้น
ไม่ได้เริ่มขึ้นเมื่อเราพูดถึงเรื่องใหญ่ๆ 
แต่เกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มที่จะเข้าใจสิ่งเล็กๆ 


การแก้แค้นที่ดีที่สุด คือ
การเดินต่อไปข้างหน้า และก้าวข้ามมันไปให้ได้
อย่าทำให้ใครคนหนึ่งได้สมปรารถนา
โดยการที่เฝ้ามองเราเจ็บปวดอยู่เพียงฝ่ายเดียว


ทุกๆ คนเคยทำผิดพลาดในชีวิต
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า
เขาต้องได้รับโทษไปตลอดชีวิต
บางครั้งคนดีก็เลือกทางเดินที่ผิด
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนเลว
แต่หมายถึงว่า เขาเป็นแค่มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง


คำแนะนำที่ดีที่สุดในสองบรรทัด
"ความเงียบ" คือคำตอบที่ที่สุดสำหรับทุกๆ คำถาม
"การยิ้ม" คือการกระทำที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์

หวังว่าข้อคิด และคำคมข้างต้นจะทำให้ใครหลายๆ คนมีกำลังใจ มีความคิดดีๆ ใหม่ๆ และทัศนคติดีๆ ที่พร้อมจะแบ่งปันกับคนรอบข้าง และสร้างสรรค์สังคมนี้ให้น่าอยู่มากขึ้นนะคะ 

แปลและเรียบเรียงโดย นันทพร คำยอด

มาเต้นสะบัดไขมันและสลายความเครียดกันเถอะ!


การเต้นนอกจากจะเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ผ่อนคลายความเครียดแล้ว ยังช่วยให้ผู้ฝึกมีบุคลิกภาพที่ดี มีความมั่นใจในตัวเองเพิ่มขึ้น ที่สำคัญ คือ มีสุขภาพดี ร่างกายแข็งแรง ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และมีหุ่นสวย ผอม เพรียว กระชับ ซึ่่งในปัจจุบันมีสาวๆ หลายคนหันมาออกกำลังด้วยการเต้นเป็นจำนวนมาก และวันนี้เราก็มีการเต้นที่กำลังฮอตฮิตเป็นที่นิยมทั้งในและต่างประเทศมาฝากกันคะ



1. Belly Dance การเต้นเทรนด์ใหม่ล่าสุดที่ผสมผสานกับพิลาทีส โยคะ การเต้นระบำหน้าท้อง และการเต้นแบบชนเผ่าแอฟริกาไว้ด้วยกัน เริ่มจากการทำสมาธิและผ่อนคลายจิตใจ ก่อนจะเต้นเผื่อการกระตุ้นการทำงานของหัวใจ และบริหารให้หน้าท้องฟิตกระชับ ช่วยให้สาวๆ ใส่เสื้อผ้าได้อย่างมั่นใจ


2. Zumba Dance เป็นการผสมผสานระหว่างการออกกำลังกายและการเต้นในสไตล์ละติน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายทุกสัดส่วน และกระชับหุ่น กำจัดน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน แซมบ้ามีที่มาจากแนวคิดการออกกำลังกายที่ไม่จริงจังมากจนเกินไปนัก ให้สาวๆ มีเวลาเพลิดเพลินปลดปล่อยตัวเองให้สนุกสนาน พร้อมๆ กับได้เผาผลาญแคลอรี่ส่วนเกินได้มากถึง 500 – 800 แคลลอรี่ ในหนึ่่งชั่วโมง


3. Jazz Dance การเต้นที่ถือกำเนิดมาจากประเทศอเมริกา โดยดึงเอาการเต้นแบบเคลื่อนไหวโดยการแยกส่วนต่างๆ ของร่างกาย (Isolation) มักเป็นการเต้นกับเพลงที่มีจังหวะเร็ว เช่น ในจังหวะสวิง (Swing) ลินดี้ ฮอป, แบล็ค บอทท่อม, ชาร์เลสตัน  เนื่องจากเป็นการเต้นที่ง่าย มีจังหวะเร็ว คมชัด ท่าเต้นที่สวยงาม พริ้วไหว เป็นการเต้นที่จัดระเบียบร่างกายให้มีความสมดุลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสนุกสนาน รู้สึกถึงความมีอิสระ จึงทำให้เป็นการเต้นที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ทั้งในละครเวที ละครเพลง คอนเสิร์ต ต่างๆ นอกจากนี้เราสามารถเห็นสไตล์การเต้นแบบนี้ได้จากศิลปินเพลงป๊อป เช่น Britney Spears หรือ Madonna การเต้นชนิดนี้ทำให้ผู้ฝึกได้พัฒนาทั้งร่างกายและจิตใจ ทำให้ส่วนต่างๆ ของร่างกายเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว ช่วยบริหารหัวใจและปอดให้แข็งแรง เสริมสร้างกระดูกแข็งขึ้นไม่เปราะง่าย และยังเป็นการลดน้ำหนัก โดยในเวลา 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 700-800 แคลอรี  และช่วยกระชับกล้ามเนื้อแขน และขาอีกด้วยคะ


4. Pole Dance มีต้นกำเนิดจากอเมริกาเช่นกัน จากการแสดงในบาร์ เวลาเต้นจะเคลื่อนไหวโดยใช้เสาเหล็กหรือทองเหลืองในแนวตั้งเป็นอุปกรณ์ประกอบ ท่าที่ใช้มีทั้งนิ่มนวลและแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ผู้เต้นต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ทว่ายืดหยุ่นและทนทาน การเคลื่อนไหวเบื้องต้นของการเต้นแบบนี้คือ การหมุน ปีน และการกลับตัวยกขาขึ้น ปัจจุบันโพลแดนซ์ถือเป็นการเต้นเพื่อบริหารร่างกายอย่างหนึ่งที่เห็นประสิทธิภาพได้อย่างรวดเร็ว เป็นที่นิยมในหมู่ดาราฮอลีวูด นักแสดง ดารา นักร้อง บุคคลที่มีชื่อเสียงทั้งต่างประเทศ และรวมถึงประเทศไทยด้วยคะ การเต้นประเภทนี้ทำให้ผู้เต้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 250 แคลอรี ต่อชั่วโมง และยิ่งเต้นเป็นประจำจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายแข็งแรง และมีสัดส่วนที่สมรูปร่างมากขึ้น


5. Flamenco Dance การเต้นที่เป็นศิลปะอันเก่าจากสเปน ผู้เต้นจะแต่งกายด้วยสีจัดจ้าน ในการเต้นนั้นจะมีองค์ประกอบที่สำคัญ 3 อย่างคือ การร้อง เครื่องดนตรีที่เป็นกีต้าร์ และการเต้นระบำ การเต้นชนิดนี้นอกจากจะทำให้ผู้เล่นเกิดการความสนุกสนาน เพลิดเพลิน และผ่อนคลายแล้ว ยังเป็นการฝึกสมาธิ เพิ่มความมั่นใจในตัวเอง เสริมสร้างบุคลิกภาพให้ดูสง่างาม เพิ่มความทรงตัวที่ดี และความคล่องแคล่วว่องไว และยังช่วยลดน้ำหนักได้อีกด้วยคะ



6. Kpop dance เป็นแนวเต้นที่เกาหลีดึงเทคนิคการเต้นที่เน้นความพร้อม และนำเอาเทคนิคการเต้นต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น  pop (ป๊อป) , jazz( แจ๊ส) hip hop (ฮิปฮอป) และเทคนิคการเต้นที่ใช้สรีระเยอะสักนิด แขน ขา สะโพก หน้าท้อง หลัง เข้าไว้ด้วยกัน ถือได้ว่าได้เต้นครบทุกส่วน ดังนั้น การเต้น K-pop จึงมีท่าเต้นที่สวยงาม และกระชับทุกสัดส่วน เป็นการออกกำลังกายชนิดนึงที่ให้ทั้งความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการเต้นสไตล์ คัฟเวอร์ (Cover)



7. Hip Hop Dance เป็นการเต้นที่มีต้นกำเนิดมาจากกลุ่มวัยรุ่นในนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ใช้คำพูดร้องไปตามจังหวะ หรือที่เรียกว่า แร็ป (Rap) ประกอบกับเครื่องดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ ผสมผสานเข้ากับท่าเต้นที่มีจังหวะปานกลาง ถึงเร็ว มีทั้งเคลื่อนไหวร่างกายแบบการกระตุก (Isolation) และหยุด (Locking) โยกตัว (Bouncing) ขึ้นลง ย่อขา งอเข่า และข้อศอก แขน งอไปตามจังหวะของขา การเดิน (Walking) สไลด์เท้า ก้าวขา กระโดด (Hop) ตามจังหวะดนตรี และยังดึงเอาการเต้นเบรคแดนซ์ (Break Dance) ท่าเต้นที่เลียนแบบในการใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งท่าเต้นหุ่นยนต์ (Robot) นำมาผสมผสานกันอย่างลงตัว

สำหรับสาวๆ ที่อยากออกกำลังกายแบบสนุกด้วยการเต้นในราคาสุดพิเศษสุดคุ้ม หรือต้องการออกกำลังด้วยโปรแกรมใหม่ๆ ทันสมัย ไม่ซ้ำใคร พร้อมกับผลลัพธ์ที่่น่าพอใจในเวลาอันรวดเร็ว ก็อย่ารอช้าคะ รีบมาทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรงอย่าง Fusion Boxing, Pilates, Yoga Fly, Boot Camp และ Core Suspend โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com


บทความโดย นันทพร คำยอด


Sunday, December 1, 2013

เสริมบุคลิกภาพให้สง่างามด้วย Jazz Dance


ในเวลาว่างนอกจากการพักผ่อนอยู่กับบ้าน ออกกำลังกาย และเที่ยวเล่นแล้ว สิ่งสำคัญที่สาวๆ ควรทำเป็นอย่างยิ่งก็คือ การหากิจกรรมดีๆ เพื่อพัฒนาตัวเอง ทั้งการพัฒนาจิตใจภายใน และบุคลิกภายนอก และวันนี้เราก็มีกิจกรรมดีๆ มานำเสนอคะ

Jazz (แจ๊ส) ถือกำเนิดขึ้นในอเมริกา เป็นการผสมผสานสไตล์การเต้นแบบ อัฟริกัน-อเมริกัน โดยพัฒนามาจากการเต้นแท็ปแดนซ์ (Tap Dance) นั่นเอง

ท่าเต้นแจ๊สนั้นได้ดึงเอาการเต้นแบบ เคลื่อนไหวโดยการแยกส่วนต่างๆของร่างกาย (Isolation) การเต้นแจ๊สมักเป็นการเต้นกับเพลงที่มีจังหวะเร็ว เช่นในจังหวะสวิง (Swing) ลินดี้ ฮอป, แบล็ค บอทท่อม, ชาร์เลสตัน  เนื่องจากเป็นการเต้นที่ง่าย มีจังหวะเร็ว คมชัด ท่าเต้นที่สวยงาม พริ้วไหว เป็นการเต้นที่จัดระเบียบร่างกายให้มีความสมดุลได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสนุกสนาน รู้สึกถึงความมีอิสระ จึงทำให้เป็นการเต้นที่ได้รับความนิยมตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน

แจ๊สแดนซ์ (Jazz Dance) กลายเป็นหนึ่งในรูปแบบการเต้นรำที่เป็นที่นิยมทั่วโลก การเต้นรำประเภทนี้เป็นการเต้นที่นำมาซึ่งพลังและความสนุกสนานของการเคลื่อนไหว ซึ่งประกอบไปด้วยเอกลักษณ์และลักษณะเฉพาะมากมาย

เราจะเห็นการเต้นรำประเภทนี้มากที่สุด คือ ในละครเวที ละครเพลง คอนเสิร์ต ต่างๆ ตัวอย่างเช่น หนังเรื่อง CHICAGO , MOULIN ROUGE, WEST SIDE STORY เป็นการเต้นรำที่สนุกสนาน และสวยงาม มีการใช้สะโพก เตะขา หมุนตัว สะบัดหัวการเคลื่อนไหวของมือที่สวยงาม เป็นการเต้นรำที่ใช้เพลงสนุกสนาน เร้าใจ อย่างเพลง JAZZ และ เพลง POP MUSIC ทั่วๆไป เด็กที่ไม่เคยผ่านการเรียนเต้นรำ และไม่อยากเรียนบัลเล่ต์ ควรจะเริ่มเรียนที่วิชานี้ก่อน เพื่อให้เด็กรู้โครงสร้างของร่างกายในการเต้นรำ เพื่อนำไปใช้ในการเต้นอย่างอื่น ซึ่งจะทำให้เรียนได้เร็วขึ้น

บางครั้ง เราสามารถเห็นสไตล์การเต้นแบบนี้ ได้จากศิลปินเพลงป๊อป เช่น Britney Spears หรือ Madonna

การเต้นแจ๊สแดนซ์ เป็นการออกกำลังที่อาศัยดนตรีเป็นจังหวะ เพื่อใช้เป็นแรงขับเคลื่อน ช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายส่วนต่างๆ เป็นไปด้วยความคล่องแคล่ว รวมไปถึงในส่วนของกล้ามเนื้อและข้อต่อต่างๆ ประสานงานอย่างต่อเนื่อง  ทั้งยังช่วยให้ผู้เต้นพัฒนาร่างกายได้ทั้งทางกายและทางใจ

ประโยชน์ที่ได้รับอีกทางหนึ่งจากการเต้นแจ๊ส คือช่วยบริหารหัวใจและปอดให้แข็งแรง เสริมสร้างกระดูกแข็งขึ้นไม่เปราะง่าย และยังเป็นการลดน้ำหนัก โดยในเวลา 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ราว 700-800 แคลอรี  และช่วยกระชับกล้ามเนื้อแขน และขา ที่สำคัญถ้าเต้นบ่อยๆ จะรู้สึกได้เลยว่าตนเองสุขภาพดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากนี้การเต้นแจ๊สยังช่วยพัฒนาความสามารถด้านดนตรีและความจำ สร้างเสริมสมาธิ พัฒนาบุคลิกภาพและความมั่นใจในตนเอง และผู้ฝึกสามารถพัฒนาต่อในระดับอาชีพ

สำหรับผู้ที่สนใจอยากเรียนเต้นแจ๊ส สามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com

บทความที่เกี่ยวข้อง

Fit & Firm ไปกับ Pole Dance
มาเต้นแซมบ้า เพื่อหุ่นสวยและสุขภาพดีกันดีกว่า
Flamenco Dance สร้างหุ่นสวย สะบัดความเครียด