Thursday, January 30, 2014

กินอย่างไรให้สวย


กินอย่างไรให้ "สวย"  (at office)
โดย : อ.ประณม  ถาวรเวช

บุคลิกภาพที่ดีเริ่มต้นจากสุขภาพที่ดี และสุขภาพที่ดีก็เริ่มต้นจากการกินที่ดี วันนี้เรามีเคล็ดลับ "กินให้สวย" มาฝากกัน ลองปฏิบัติดังนี้

สิ่งที่ควรเลือกรับประทานเป็นอย่างแรก ๆ ในทุก ๆ มื้ออาหาร

ผลไม้  มีงานวิจัยที่แนะนำว่าให้กินผลไม้อย่างน้อย 5 ส่วนในแต่ละวัน เพราะมีคุณประโยชน์ในการช่วยป้องกันโรคหัวใจและมะเร็งบางประเภทได้ แต่ต้องเป็นผลไม้ที่ไม่หวานจัด ไม่มีแป้งหรือน้ำตาลมาก เพราะจะทำให้อ้วนและได้รับน้ำตาลเกินความต้องการของร่างกายได้

กรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย (Essential fattyacids)  หรือที่รู้จักกันว่าเป็นไขมันส่วนที่ดี จะเข้าไปช่วยทำให้ผิว ผม และเล็บดูแข็งแรง

ควรเลือกดื่มชาเขียว  ด้วยเหตุผลเดียวกับกระเทียมคือมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ป้องกันมะเร็งบางชนิด ทั้งยังเพิ่มภูมิคุ้มกันแก่ร่างกาย

อย่าลืมดื่มนม  เพราะเป็นแหล่งแคลเซียมและวิตามินดี เป็นประโยชน์ต่อกระดูกและฟัน ป้องกันโรคกระดูกผุ

ถั่วเหลือง  ก็มีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยป้องกันมะเร็ง พร้อมทั้งมีวิตามินอี และกรดอะมิโน ที่ช่วยให้ผิวเรียบลื่น ยืดหยุ่นด้วย

วิตามินซี จะกระตุ้นภูมิคุ้มกันและช่วยให้ร่างกายต่อสู้โรคภัยได้ วิตามินซียังเป็นกุญแจสำคัญให้ร่างกายสร้าง คอลลาเจน อันเป็นสารเคมีที่ทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นและปราศจากรอยย่นอีกต่างหาก

ช็อกโกแลต  เป็นหนึ่งในอาหารที่จะช่วยให้คงความงามไว้ได้ เพราะว่าในช็อกโกแลตมีสารที่กระตุ้นเอนโดร์ฟิน และเซโรโทนิน ฮอร์โมนทั้ง 2 ทำให้มีอารมณ์ดี มีความสุข คนจะแลดูสวยได้ก็ต้องรู้สึกสวย รู้สึกดีเสียก่อน

ดื่มน้ำ  เพราะน้ำจะช่วยให้แลดูอ่อนเยาว์ ผมเปล่งประกาย นุ่มสลวย น้ำยังช่วยขับของเสียและสารพิษออกจากร่างกายอีกด้วย

อโวคาโด  เจ้าผลไม้มหัศจรรย์นี้ ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระสนับสนุนการผลิตเส้นใยคอลลาเจนของผิวหนังให้เรามีผิวสวยใส ปริมาณที่เหมาะสมคือบริโภคให้ได้สัปดาห์ละครั้ง หากชอบหวานก็เติมน้ำผึ้งลงไปเล็กน้อย และจำไว้ว่าอโวคาโดอุดมไปด้วยน้ำมันธรรมชาติที่มีประโยชน์ยิ่ง

แครอท พืชชนิดนี้อุดมด้วยวิตามินเอช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง เคล็ดลับคือให้เลือกซื้อแต่แครอทปลอดสารพิษและควรปอกเปลือกก่อนบริโภคเพื่อความมั่นใจ เพราะแครอทเป็นพืชที่ชาวไร่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงปริมาณมากในการเพาะปลูก

วิตามินจำเป็นต่าง ๆ  เพื่อให้แน่ใจว่าวันหนึ่ง ๆ ร่างกายเราได้รับวิตามินอย่างพอเพียง อาหารที่มีขั้นตอนการปรุงซับซ้อนหรือวิธีการเก็บรักษาทำให้สูญเสียคุณค่าธรรมชาติของอาหารไป ส้มตามซูเปอร์มาร์เก็ตเดี๋ยวนี้มีวิตามินซีเหลือเพียง 60% เพราะสูญหายไปในขั้นตอนการเก็บเกี่ยว ดังนั้น ควรบริโภควิตามินเสริมให้ร่างกายได้สารอาหารเพียงพอ

แอปเปิ้ล วันละผล  ผลไม้นี้อุดมด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ เช่น เพคติน วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และแมกนีเซียม ช่วยขจัดมลพิษ ลดคอเลสเตอรอลและยังช่วยระบบการทำงานของปอดด้วย

พืชเรียกน้ำตา  หอมและกระเทียม ช่วยฟื้นฟูระบบการไหลเวียนของโลหิต ช่วยล้างพิษได้ดีที่สุด ป้องกันโรคหอบหืด

อย่าลืม โยเกิร์ต  อาหารสูตรสุขภาพตั้งแต่โบราณ ในโยเกิร์ตมีแบคทีเรียสองชนิดที่เป็นประโยชน์ต่อระบบการย่อย คือ แลคโตบาซิลัส และเอซิโดฟิลลัส ช่วยฟื้นฟูการทำงานของลำไส้ ลดการสะสมของแก๊สในกระเพาะทำให้ท้องไม่อืดและร่างกายดูดซึมอาหารได้ดีขึ้น

มันฝรั่ง  หากต้องการอาหารที่อุดมด้วยไฟเบอร์ วิตามินบี 3 วิตามินซีและโปแตสเซียมล่ะก็ มันฝรั่งมีให้ครบทุกอย่าง วิธีดีที่สุดของการบริโภคก็คือการอบและบริโภคทั้งเปลือกจะได้โภชนาการที่ดีกว่า และหากต้องการเนยกับซาวครีมช่วยให้รสชาติดีขึ้นสักเล็กน้อยก็ไม่ผิดกติกา

ไฟเบอร์  มีประโยชน์และช่วยระบบย่อยอย่างมาก ช่วยให้อิ่มเร็วและไม่บริโภคอาหารอื่น ๆ เข้าไปมากเกินความจำเป็น ไฟเบอร์ช่วยชะลอความชรา ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและลดปริมาณแอสโตรเจนในกระแสเลือดซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดมะเร็ง แหล่งไฟเบอร์ที่ดีคือผักและผลไม้สด ธัญพืช มันฝรั่งและขนมปังโฮลวีท แต่ก็ไม่ควรบริโภคมากเกินไป เพราะจะทำให้ท้องอืดและมีผลต่อระบบลำไส้ ควรเริ่มบริโภคน้อย ๆ และค่อย ๆ เพิ่มปริมาณขึ้นจะเหมาะกว่า

ผักสดต่าง ๆ ดีต่อเส้นผม ผิวหนัง นัยน์ตาและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ควรพยายามบริโภคผักสด ๆ ให้มาก โดยเฉพาะผักใบเขียวเข้มและผักสีสดต่าง ๆ สี หากต้องการพัฒนาความจำควรบริโภคกะหล่ำปลีต้มทุกมื้อกลางวันและเย็นจะช่วยได้ดี

น้ำผลไม้ช่วยผิวสวย  การดื่มน้ำผลไม้ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารดี ๆ ได้เร็วที่สุด เพิ่มความสดชื่นในฉับพลัน น้ำผลไม้ผสมที่ดีที่สุดก็คือน้ำแอปเปิ้ล แครอทและบีทรูท ทั้ง 3 ชนิดนี้ผสมกันอย่างละ 1 ส่วน แต่ก็ควรระลึกไว้ว่า น้ำผลไม้ไม่มีไฟเบอร์มากเท่ากับการบริโภคผักผลไม้สด ๆ ดังนั้น ก็ควรบริโภคผักผลไม้สดวันละจานเป็นอย่างน้อย

ปลาเพื่อสุขภาพ  โดยเฉพาะปลาที่อุดมด้วยไขมันโอเมก้า 3 เช่น แซลมอล แมคเคอเรลและทูน่า ทั้งหมดนี้มีไขมันช่วยระบบการทำงานของเซลล์ผิวหนัง ลดความดันโลหิต การบริโภคปลาสัปดาห์ละครั้งจะลดความเสี่ยงโรคหัวใจลงได้ถึง 50% แคลเซียมจากปลายังมีประโยชน์ต่อผิวหนัง กระดูกและฟันอีกด้วย

อย่าลืม ถั่วต่างๆ ถั่วอุดมด้วยสารอาหารมีประโยชน์เช่นเดียวกับผักและผลไม้สด เป็นของขบเคี้ยวยามว่างที่อุดมด้วยโปรตีน วิตามินบี 1 และแมกนีเซียม ซึ่งมีผลดีต่อระบบประสาท หากไม่ชอบถั่วก็เปลี่ยนเป็นเนยถั่วหรือนมถั่วเหลืองแทน เลี่ยงจากถั่วอบเกลือซึ่งจะเคี้ยวเพลินจนโซเดียมในร่างกายสูงเกินไป ถั่วที่แนะนำคือฮาเซลนัทที่มีโปรตีนสูงที่สุด บราซิลนัทมีเซเลเนียมสูงช่วยชะลอความชราได้ดี

ไข่เพื่อสุขภาพ  อาหารชนิดนี้อุดมด้วยโปรตีน แคลเซียมเหล็ก สังกะสีและวิตามินบี 3 สิ่งที่ควรระวังก็คือ หากเป็นไข่เก่าอาจมีแบคทีเรียซาลโมเลลาที่เป็นสาเหตุของอาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นควรเลือกซื้อไข่ไก่สดใหม่ที่ปลอดสารพิษและไม่ควรบริโภคไข่ดิบ ๆ

เลือก ไก่ ดีที่สุด  ไม่ว่าใครจะบอกว่าอย่างไร ไก่ก็เป็นอาหารที่มีไขมันต่ำที่สุดในเนื้อสัตว์ทั้งหมด และยังมีวิตามินสูงด้วย  และยิ่งลอกหนังออกด้วยแล้ว ก็จะปลอดภัยมากขึ้น

บร็อคโคลี่ นอกจากจะช่วยป้องกันมะเร็งแล้ว ยังช่วยทำความสะอาดร่างกาย และอุดมด้วยธาตุเหล็กและสารต้านอนุมูลอิสระ

กินแบบป๊อปอายกันดีกว่า  เรียนรู้ที่จะรัก โอลีฟ ออยล์ หรือน้ำมันมะกอก ซึ่งอุดมด้วยคอเลสเตอรอลชนิดดี ช่วยป้องกันมะเร็งและโรคของหัวใจ พรมน้ำมันนี้ลงในน้ำสลัดเล็กน้อยก่อนบริโภคทุกครั้ง

พริกมีประโยชน์  พริกทุกชนิดอุดมด้วยวิตามินซี โดยเฉพาะพริกแดงและเหลือง มีวิตามินซีมากกว่าส้มถึง 4 เท่า วิธีบริโภคให้ได้ประโยชน์สูงสุดคือกินสด ๆ จะช่วยให้สุขภาพดีของผิวหนัง เหงือกและเส้นผม

กล้วยช่วยสุขภาพ  ดีที่สุดหากกินตอนสุก กล้วยอุดมด้วยโปแตสเซียมและวิตามินซี ช่วยป้องกันแผลพุพองของผิวหนัง ลดคอเลสเตอรอล และช่วยขจัดพิษจากโลหะที่สะสมค้างอยู่ในร่างกาย เหมาะที่จะเลือกเป็นอาหารเช้า

ที่มา: health.kapook.com

วิตามินอี (E) ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


วิตามิน อี (Vitamin E) หรือ Tocopherol เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้  จำเป็นจะต้องได้รับจากการรับประทาน  วิตามิน อี  มีอยู่ในอาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก  ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้  วิตามิน อี  มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลืองและละลายได้ในนำมัน  เช่นเดียวกับ วิตามิน  เอ  ดี  และ เค

ประโยชน์ของ วิตามิน อี  ต่อร่างกายของคนเรา

วิตามิน อี  เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก  สาทิศ  อินทรกำแหง  ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น กูรูชีวจิต ได้กล่าวเรื่องวิตามิน อี  ของบทความเรื่อง  วิตามิน – วิตามิน  ในนิตยสาร  ชีวจิต  ฉบับที่ 64  ปีที่ 32  1มิถุนายน  2544  หน้า  58 – 60  ปัจจุบันมีการโฆษณากันอย่างกว้างขวาง  ทั้งทางแผ่นพับต่าง ๆหนังสือพิมพ์  โทรทัศน์  และทางเวบไซท์ต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งมีการโฆษณาถึงคุณประโยชน์ของวิตามิน อี  จนเกินเหตุ  เช่น สามารถทำให้คนเราดูเป็นหนุ่มสาวขึ้น  ทำให้มีการขายวิตามิน อี กันอย่างกว้างขวางและขายราคาแพงเกินกว่าประโยชน์จริง ๆ  เช่นกัน  ซึ่งเราควรจะต้องใช้ความคิดพิจารณาให้รอบคอบจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาเหล่านั้น

ความจริงที่เกี่ยวกับ  วิตามิน อี  คือ

1. โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราไม่ค่อยจะขาด วิตามิน อี  เพราะอาหารต่าง ๆ ที่เรากินในแต่ละวันนั้น  โดยเฉพาะ โปรตีน  ไขมัน  พืชผัก  ผลไม้  มักจะมีวิตามิน อี  อยู่ในอาหารเหล่านั้นอยู่แล้ว  และวิตามิน อี ที่อยู่ในอาหารนั้น ๆ จะสะสมอยู่ในร่างกายของเราได้นาน ๆ

2. หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิตามิน อี  คือ เป็นตัวแอนตีออกซิแดนท์ (Antioxidant)  ซึ่งแปลว่า  เป็นตัวทำให้เกิด ออกซิเดชัน (Oxidation)  หมายถึง การเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเข้าทำปฏิกิริยา  การเผาผลาญในร่างกายโดยทั่ว ๆ ไปเป็นการเผาผลาญโดยธรรมชาติ  ก่อให้เกิดประโยชน์และการหมุนเวียนในร่างกายตามปกติ  แต่การเผาผลาญบางอย่าง  เช่น การที่มีสารพิษหรือท็อกซินในร่างกาย  การมีไขมันชนิดเลวสะสมมาก ๆ ในร่างกาย  การถูกรังสีเอกเรย์  การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า ฯลฯ ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free radicals) ชนิดต่างๆ ตามมา

ผนังเซลล์ของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเรา  มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นโครงสร้างที่สำคัญอยู่ด้วย ซึ่งโครงสร้างนี้จะถูกทำลายได้ง่ายด้วยกระบวนการ ออกซิเดชัน ส่งผลให้เกิด อนุมูลอิสระ   ต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างภายในของเซลล์ ที่สัมผัสกับอนุมูลอิสระทำให้เกิดพิษและความเสียหายต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย  การที่เรามีสารยับยั้ง  การเผาผลาญที่เป็นโทษต่อร่างกายแบบนี้  จึงเป็นการยับยั้งพิษร้ายในร่างกาย  และเป็นการต่ออายุให้ยืนยาวด้วย สารยับยั้งเหล่านี้  จึงเรียกว่า แอนติออกซิแดนท์    มีวิตามินซึ่งเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์  4  ตัว  คือ  วิตามิน  A  C  D  และ  E  วิตามิน  อี  จึงเป็นแอนติออกซิแดนท์  ที่สำคัญตัวหนึ่ง  และโดยเหตุที่ช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายหลายระบบ  วิตามิน อี  จึงเป็นวิตามินตัวสำคัญที่สุดที่ร่างกายขาดไม่ได้

3. วิตามิน อี  เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด  เป็นตัวช่วยสร้างกล้ามเนื้อ  แต่วิตามิน อี  ไม่ใช่เป็นยาบำรุงเลือด  โดยเฉพาะเมื่อเกิดการผิดปกติในกระบวนการ  Hemolysis  คือการที่เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นลงกว่าเดิม ซึ่งปกติเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน ก็จะต้องถูกขับออกจากร่างกาย  กระบวนการที่สร้างเม็ดเลือดแดงใหม่  และเม็ดเลือดแดงเจริญเติบโต  และทำงานจนหมดอายุขัย กระบวนการเหล่านี้เรียกว่า  Hemolysis  แต่ในบางครั้งสำหรับบางคน  เกิดการผิดผลาดในกระบวนการ Hemolysis  เม็ดเลือดแดงยังไม่หมดอายุก็ถูกทำลายลงก่อน  ทำให้ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยลง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้ซึ่ง วิตามิน อี  ก็จะช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด  แต่ วิตามิน อี ไม่ใช่เป็นยาบำรุงเลือด

 4. วิตามิน อี  ยังเป็นตัวช่วยระบบกล้ามเนื้อและการทำงานของตับ  เวลาเราเคลื่อนไหว  ทำงานต่าง ๆ ต้องออกแรง  กล้ามเนื้อต้องใช้เลือดมากมายเพื่อเป็นพลังงานสำหรับกล้ามเนื้อ  ก็เท่ากับว่าวิตามิน อี  เป็นตัวสร้างเลือดสำหรับกล้ามเนื้อด้วย

5. วิตามิน อี  มีส่วนช่วยบำรุงตับ  ตับต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย  วิตามิน อี จึงเป็นตัวสำคัญ ในการทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดของตับด้วย

6. วิตามินมีส่วนช่วยการกายหายใจ  โดยเฉพาะช่วยปอด  ปอดเป็นตัวช่วยปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกจากเลือดและ รับแก๊สออกซิเจนจากการหายใจเข้าสู่เลือดทำให้เลือดแดง  ก็เท่ากับวิตามิน อี  เป็นตัวสำคัญในการฟอกเลือดของปอดด้วย

 เนื่องจาก วิตามิน อี  มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง และที่สำคัญเป็นแอนติออกซิแดนท์  ซึ่งทำให้เซลล์ต่าง ๆ รอดพ้นจากท็อกซิน  จึงมีผู้ที่นิยมพูดกันว่า  วิตามิน อี  ช่วยชะลอความแก่ได้  ซึ่งที่จริงแล้ว  วิตามิน อี  มีประโยชน์ต่อผิวหนัง  โดยเหตุที่วิตามิน อี สามารถละลายได้ในน้ำมัน  จึงเพียงแต่ทำให้ผิวหนังดูสดใสสดชื่น  จึงทำให้เข้าใจไปว่า วิตามิน อี  เป็นยาที่รักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้

แหล่งอาหารที่มี วิตามิน อี

สาทิศ  อินทรกำหง  กล่าวว่า  ที่จริงแล้ววิตามิน อี มีอยู่ในอาหาร ที่เรารู้จักกันดี  อาหารที่มีวิตามิน อี เช่น  น้ำมันพืช  จมูกข้าว  ปลา  ข้าวที่ไม่ขัดขาว  ถั่ว  ผักโขม  บร็อคโคลี  คะน้า  น้ำมันพืช  ไข่  ถั่วเหลือง ตัวที่ทำลายวิตามิน อี    ตัวที่สามารถทำลาย วิตามิน อี  ได้ คือ   ความร้อน ออกซิเจน  อากาศที่เย็นแข็ง  สารรักษาอาหาร   ธาตุเหล็ก  คลอรีน  ฯลฯ

ที่มา: edtech.ipst.ac.th

Wednesday, January 29, 2014

บัญญัติ 8 ประการขั้นพื้นฐาน ลดน้ำหนักได้ผลทันใจ


ข้อแนะนำ ตำราการลดน้ำหนักต่างๆ มากมาย จะใช้ได้ผลแค่ไหน ง่ายดายซักแค่ไหน สุดท้ายที่สำคัญที่สุดคือ ความมีวินัยในตัวเอง ในเรื่องการกิน การพักผ่อน และการออกกำลังกาย นั่นเองค่ะ คือจะต้องกิน 3 มื้อต่อวัน และทานแต่อาหารที่มีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมงและไม่นอนดึก สุดท้ายคือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

วันนี้เรามีบัญญัติ 8 ประการขั้นพื้นฐานที่เราควรจะทำให้ได้มาฝากกันคะ

1. นอนหลับให้เพียงพอ
2. ก่อนนอน 4-6 ชั่วโมงควรเลิกกินโดยเด็ดขาด
3. ถ้าชอบเนื้อสัตว์ ควรทานหัวหอมใหญ่พร้อมกันด้วย
4. ทานเสร็จแล้วให้ล้างจานเป็นการออกกำลังกายเบาๆ หลังอาหาร
5. ไม่ควรกินผลม้ระหว่างมื้อหรือหลังอาหารทันที เพราะระบบย่อยจะทำงานไม่ดีเท่าที่ควร
6. ขณะอาบน้ำ ควรนวดท้องเบาๆ จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูก
7. นั่งตัวตรงดูทีวี
8. เมื่อมีอาหารอยู่ตรงหน้า อย่าเพิ่งรีบกินทันที ให้นับ 1-100 แล้วค่อยๆ กิน เคี้ยวช้าๆ
8.1. กินทีละคำ โดยเคี้ยวอาหารจนเสร็จและกลืนแล้ว จึงตักอาหารคำใหม่เข้าปาก จะช่วยให้กินได้ช้าลงได้ค่ะ
8.2. เคี้ยวมากครั้ง ควรเคี้ยวอาหารอย่างน้อย 20-30 ครั้งก่อนกลืน เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการยอยอีกด้วย
8.3. คุยกับคนอื่นบ้าง จะช่วยให้กินอาหารช้าลง หากกินคนเดียวลองหยุดกินซักครู่หนึ่ง เป็นการสร้างนิสัยการกินช้าๆ
8.4. ดื่มด่ำกับบรรยากาศและรสชาติอาหาร การตกแต่งโต๊ะอาหารหรือภาชนะอาหารด้วยสีโทนเย็น จะช่วยลดความอยากอาหารได้ค่ะ

นอกจากนี้ยังมีวิธีป้องกันไม่ให้น้ำหนักขึ้นมาฝากกันอีกด้วย

1. ก่อนและหลังเข้านอน ต้องยืดเหยียดร่างกายอย่างน้อยซํก 10 นาที
2. ตอนดูทีวีให้เล่นฮูลาฮูปไปด้วย เล่นให้ได้นานอย่างน้อย 20 นาทีขึ้นไปค่ะ
3. ตอนแปรงฟันให้ลองยกขาขึ้น 90 องศา โดยทำค้างไว้ซํกพักแล้วสลับข้างค่ะ
4. ฝึกการหายใจแบบโยคะ คือหายใจเข้าออกลึกๆ หายใจเข้าท้องป่อง หายใจออกท้องแฟบ
5. ก่อนนอนตะแคงข้างแล้วยกขาขึ้นข้างละ 13-15 ครั้ง ทำให้ครบ 5 ชุด

สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาโปรแกรมออกกำลังกายในราคาสุดประหยัด ทาง Sanook life ได้รวบรวมรูปแบบการออกกำลังกายมาแรง และฮอตฮิตในหมู่ดารา และสาวๆ ที่รักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น Mauy Thai, Self, Defense, Pilates, Yoga Fly และ Boot Camp พร้อมการเต้นทั้ง Jazz, Ballet, Flamenco, Hip Hop, Contemporary เพื่อหุ่นสวยกระชับ และบุคลิกภาพดี นำเสนอให้สาวๆ ในราคาประหยัด สม้ครสมาชิกฟรี พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ ส่วนลด 10% เมื่อซื้อคอร์สออกกำลังกาย และรับส่วนลด 5% สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเว็บไซต์ โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com

ที่มา: www.ladytip.com

Sunday, January 26, 2014

การฝังเข็มลดน้ำหนักได้อย่างไร


วันนี้มาแนะนำสูตรลดน้ำหนักแบบแพทย์ทางเลือก เป็นการรักษาที่ชาวจีนนิยมใช้รักษาโรคกันมาก นั่นก็คือ "การฝังเข็ม"  แล้วการฝังเข็จะช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือ แล้วสูตรการลดน้ำหนักแบบนี้มีหลักการอธิยายังไงกันบ้างตามมาดูกันเลยคะ

ความอ้วนกับระบบภายในร่างกาย

คนจีนจะจัดว่าความอ้วนของคนเรานั้นเกิดมาจากการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะภายใน หรือเครื่องในของเรา เกิดจากการที่กระเพาะอาหารและลำไส้ของเราร้อนเกินไป ทำให้เกิดเป็นเสมหะมติดขัดอยู่ที่ตับ หรืออีกสาเหตุหนึ่งจะมาจากการที่ม้ามและไตร้อน ทำงานผิดปกติซึ่งอย่างแรกจะเกิดได้มากว่าอย่างหลัง

สูตรการฝังเข็มลดน้ำหนักได้อย่างไร

การฝังเข็มจะเป็นการเข้าไปกระตุ้นสารคัดหลั่งในร่างกาย เพื่อให้ร่างกายปรับกระบวนการ metabolism หรือกระบวนการเผาผลาญร่างกายของเราให้ดีขึ้น และยังไปมีผลต่อส่วนรับรู้ของสมองทำให้เราอยากอาหารน้อยลง อีกทั้งยังไปยับยั้งการหลั่งน้ำย่อยในกระเพาะอาหารให้น้อยลง ทำให้เราอยากอาหารน้อยลง กินอะไรได้น้อยลงสุดท้ายก็สามารถช่วยลดน้ำหนักได้

เข็มที่ใช้ฝังลดอ้วน

จะเป็นเข็มสแตนเลสขนาดเล็ก หัวไม่ตัด ตัน เรียว และแหลมซึ่งจะปราศจากเชื้อโรค และจะมีการใช้ครั้งเดียวแล้วก็ทิ้งไป ขนาดความยาวที่ใช้ฝังก็จะต่างกันไปตามปริมาณความอ้วนและไขมันของแต่ละคน

ฝังเข็มที่ตำแหน่งไหนบ้าง

หน้าท้อง
แขน ขา
หลัง
หู (การฝังเข็มที่หูเป็นการช่วยลดความอยากอาหารได้)

คำแนะนำในการฝังเข็ม

- ให้กินข้าวก่อนรับการฝังเข็ม เพราะหากท้องว่างไม่มีพลังงาน อาจทำให้หน้ามืด เป็นลมในขณะที่ฝังเข็มได้
- แจ้งหมอทันทีที่รู้สึกว่าจะวูบ ขณะที่กำลังฝังเข็มอยู่ เพราะอาจจะเกิดการผิดพลาดในการลงเข็มผิดตำแหน่ง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกหน้ามืด จะเป็นลมได้
- อย่างเกร็งมาก ขณะที่ได้รับการฝังเข็มอยู่ให้ทำตัวให้ผ่อนคลาย อย่าเกร็งในขณะที่หมอฝังอยู่ หรือในขณะที่รอหลังจากที่ฝังเข็มแล้ว เพราะอาจทำให้เข็มงอ แล้วเราอาจจะรู้สึกเจ็บได้
- ใส่เสื้อผ้าที่สบายๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายขณะที่รับการรักษาอยู่

สูตรลดน้ำหนักด้วยการฝังเข็มนี้ เป็นวิธีที่ช่วยลดน้ำหนักที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง เนื่องจากไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงใดๆ เพราะการรักษาเป็นเพียงการปักเข็มเพื่อใช้กระตุ้นกระบวนการทำงานภายในของร่างกายเท่านั้น ส่วนค่าใช้จ่ายในการรักษาก็ประมาณ 300 บาทต่อครั้งเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมาก และคนที่ได้รับการรักษาด้วยการฝังเข็มส่วนใหญ่จะช่วยให้น้ำหนักลดได้ดี เรียกได้ว่าลดความอ้วนได้ผลกันเกือบทุกราย ทนเจ็บนิดหน่อยแต่ผอมได้อย่างที่ต้องการ ลองดูสักครั้งก็ไม่เลวนะคะ

สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาโปรแกรมออกกำลังกายในราคาสุดประหยัด ทาง Sanook life ได้รวบรวมรูปแบบการออกกำลังกายมาแรง และฮอตฮิตในหมู่ดารา และสาวๆ ที่รักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น Mauy Thai, Self, Defense, Pilates, Yoga Fly และ Boot Camp พร้อมการเต้นทั้ง Jazz, Ballet, Flamenco, Hip Hop, Contemporary เพื่อหุ่นสวยกระชับ และบุคลิกภาพดี นำเสนอให้สาวๆ ในราคาประหยัด สม้ครสมาชิกฟรี พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ ส่วนลด 10% เมื่อซื้อคอร์สออกกำลังกาย และรับส่วนลด 5% สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเว็บไซต์ โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com

เพราะความสวย ไม่มีคำว่า "รอ" หรือ "เดี๋ยวก่อน" อยากสวยและมีสุขภาพดี ก็อย่ารอช้า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ชาว "สนุกไลฟ์ Sanook life" สังคมของสาวๆ ผู้รักสุขภาพ พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนคะ

ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า เปิดใจรับเรามาเป็นเพื่อนคู่กายคอยดูแลสุขภาพ และเสริมความงาม แต่งเติมวันดีๆ ให้ชีวิตมีความสุขกันนะคะ "ชีวิตมีความสุขสนุกได้ทุกวัน กับ "Sanook life" คะ"

ที่มา: attylose.blogspot.com

Thursday, January 23, 2014

ทำไมต้อง "Sanook life"?


สนุกไลฟ์ (Sanook life) ชีวิตมีความสุขสนุกได้ทุกวัน กับเว็บไซต์สนุกไลฟ์ เว็บไซต์ที่นำเสนอกิจกรรมดีๆ สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ในเมืองกรุง

พวกเราคือใคร?

หลายคนอาจสงสัยว่าพวกเราคือใคร สนุกไลฟ์ เป็นการรวมตัวของกลุ่มคนผู้รักสุขภาพ ชอบออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และชอบทำกิจกรรมสนุกๆ เพื่อสร้างชีวิตให้มีสีสัน และมีความสุขทุกๆ วัน

ด้วยความปรารถดีที่อยากให้ผู้หญิงทุกวัยที่อาศัยอยู่ในเมืองกรุงที่วุ่นวาย แออัด ยัดเยียด มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี และได้ทำกิจกรรมที่สนุกสนานผ่อนคลาย พวกเราจึงรวบรวมสาระน่ารู้ บทความเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ ความสวยความงาม โภชนาการ การออกกำลังกาย การลดน้ำหนัก และดูแลรูปร่างให้สวยและมีสุขภาพดีแบบง่ายๆ มาแบ่งปันกัน พร้อมทั้งแนะนำกิจกรรมดีๆ เพื่อสร้างชีวิตให้สนุกสนาน มีสีสัน ไม่น่าเบื่อ และเป็นสื่อกลางในการพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ประสบการณ์ดีๆ ในการสร้างสุขภาพที่ดี และสร้างชีวิตที่มีความสุข

ด้วยใจรักในการดูแลสุขภาพ บวกกับประสบการณ์มากกว่า 15 ปีที่คลุกคลีอยู่กับแวดวงผู้หญิงและความสวยความงาม ทำให้เราเข้าใจผู้หญิงอย่างลึกซึ้ง และมีความเชี่ยวชาญทุกด้านเกี่ยวกับผู้หญิง ทีมผู้เชียวชาญของเราได้เตรียมพร้อมให้ความรู้ คำแนะนำที่มีประโยชน์ในการดูแลตัวเอง

สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหา ข้อสงสัย อยากขอคำแนะนำในการดูแลสุขภาพ ดูแลความสวยความงาม เราพร้อมที่จะช่วยเหลือทุกท่านในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นทางอีเมลล์ เฟสบุ๊ค เว็บไชต์ โทรศัพท์ หรือสอบถามตัวต่อตัวได้ที่สำนักงานของเรา


สนุกไลฟ์ดีอย่างไร?

สำหรับสาวๆ เมืองกรุงที่งานยุ่งเป็นทุนเดิม และอาศัยอยู่ในเมืองที่แออัด วุ่นวาย คงไม่มีเวลามากนักที่จะสำรวจ หาข้อมูล บทความดีๆ สำหรับการดูแลตัวเอง เราจึงทำหน้าที่นี้แทนท่าน พร้อมนำเสนอโปรแกรมออกกำลังกาย กิจกรรมพัฒนาบุคลิกภาพ กิจกรรมผ่อนคลายจากงานหนัก และกิจกรรมพัฒนาชีวิตให้ดีขึ้น ซึ่งเรารับประกันคุณภาพสิ่งที่นำเสนอ ถูกต้อง มีคุณภาพ 100%

นอกจากนี้เรายังปรับช่วงเวลาทำกิจกรรมให้เหมาะเวลาทำงานของสาวๆ ในเมืองกรุง โดยเราได้ต่อรองพูดคุยกับพาร์ทเนอร์ของเราให้จัดตารางกิจกรรมพิเศษเพื่อที่จะง่ายและสะดวกสำหรับสาวๆ สามารถออกกำลังกาย ทำกิจกรรมได้ง่ายๆ โดยไม่เสียงาน

ที่สำคัญคือ เราได้เลือกเฟ้น สรรหาสถานที่ออกกำลังกาย และทำกิจกรรมที่ไปมาสะดวก อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส เพื่อที่สาวๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก ไม่ต้องฝ่ารถติด และฝูงชนอันแออัด จนเหนื่อยก่อนที่จะได้ทำกิจกรรมจริงๆ



ทำไมต้องเลือกเรา?

- เพราะเราเข้าใจทุกความต้องการของสาวๆ เมืองกรุง
- ทางทีมงานของเรามีความรู้ ความเชี่ยวชาญในการดูแลสุขภาพ และความงามมานานมากกว่า 15 ปี
เป็นเว็บไซต์ที่สาวๆ เมืองกรุงที่รักสุขภาพให้ความไว้วางใจ และเข้ามาเยี่ยมชมมากที่สุด
- เรารวบรวมโปรแกรมดูแลสุขภาพที่ยอดเยี่ยม  มีคุณภาพสูง ได้รับความไว้วางใจจากทั้งดารา นักแสดง และสาวๆ ผู้รักสุขภาพทั้งหลาย และมีความน่าเชื่อถือไว้มากมายและหลากหลาย พร้อมนำเสนอกิจกรรมสุดมันส์ไม่ซ้ำใครให้สาวๆ ได้เติมเต็มวันหยุดให้มีแต่ความสนุกสนาน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และความทรงจำดีๆ ที่จะอยู่กับสาวๆ ไปนานแสนนาน ไม่ว่าชีวิตจะยุ่ง จะเศร้าแค่ไหน ดูภาพกิจกรรมดีๆ เก่าๆ แล้ว ก็ยังยิ้มได้ไม่เปลี่ยน
- ทุกเดือนทางเราจะมีการมอบของขวัญ โปรโมชั่นสุดพิเศษ และข่าวสาร สาระดีๆ เกี่ยวกับความสุขภาพ ความสวยความงาม โภชนาการ
- เราฟังทุกความต้องการ และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างสาวๆ ให้คำแนะนำ ปรึกษา และข้อมูลดีๆ รับรองว่าสวยและมีสุขภาพดีกันถ้วนหน้าคะ



ราคาในเว็บไซต์สนุกไลฟ์? 

สำหรับเรื่องราคานั้น สาวๆ เบาใจได้เลยคะ ทางทีมงานของเราได้ต่อรองราคาพิเศษกับพาร์ทเนอร์ ลดตั้งแต่ 5% ดังนั้นมั่นใจได้วเลยว่าสาวๆ จะได้สวยแบบสบายกระเป๋า ได้รับโปรแกรมดูแลตัวเองสุดคุ้มในราคาที่สมเหตุสมผล ไม่จ่ายแพงเกินจริงแน่นอนคะ

สมัครสมาชิกวันนี้ ฟรี! พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ ส่วนลด 10% เมื่อซื้อคอร์สออกกำลังกาย และรับส่วนลด 5% สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเว็บไซต์ โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com


ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า เปิดใจรับเรามาเป็นเพื่อนคู่กายคอยดูแลสุขภาพ และเสริมความงาม แต่งเติมวันดีๆ ให้ชีวิตมีความสุขกันนะคะ 

แผนการกินแบบสุขภาพดีใน 24 ชั่วโมง เพื่อหุ่นสวยกระชับ Perfect


สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาแบบแผนการกินเพื่อสุขภาพ วันนี้เรานำข้อมูลดีๆ จาก health.kapook.com มาฝากกันคะ

หลายคนอาจคิดว่ายังมีเวลาอีกเหลือเฟือสำหรับการเริ่มต้นการกินเพื่อสุขภาพ แต่หากไม่อยากลงเอยด้วยการมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น และสัดส่วนที่ขยายขึ้นเรื่อย ๆ เพราะมัวแต่เพลิดเพลินกับของอร่อยแต่แคลอรี่สูง คุณควรได้รู้ตั้งแต่วันนี้ว่า แผนการกินที่ดีต่อสุขภาพในหนึ่งวัน เพื่อรักษาหุ่นและบำรุงร่างกายไปด้วยในตัวนั้นเป็นอย่างไร มาเริ่มต้นการกินตั้งแต่เช้าจรดค่ำกันเลย



07.30 น.

ควร : ดื่มน้ำหนึ่งแก้วเมื่อตื่นนอน เพื่อขับของเสียสะสมออกไป และเติมน้ำให้ร่างกายและผิวหลังจากหลับไปทั้งคืน

อย่า : อย่าเริ่มกินทันทีโดยที่ยังไม่รู้สึกตื่นเต็มที่ โดยในขณะที่คุณหลับ ร่างกายจะย่อยน้อยลง ระบบจึงยังไม่เข้าที่ อย่างน้อยควรรอสักครึ่งชั่วโมงหลังจากตื่นแล้ว



08.00 น.

ควร : กินอาหารเช้าซะ การวิจัยนั้นบ่งบอกว่าคนที่กินมื้อเช้าจะมีหุ่นเพรียวกว่า และขาดสารอาหารน้อยกว่า โดยเลือกอาหารที่มีอัตราการกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น มูสลี่กับนมกึ่งพร่องมันเนย ใส่ลูกเกด แอปเปิล หรือขนมปังโฮลวีทกับอะโวคาโด แล้วตบท้ายด้วยน้ำส้มคั้น

อย่า : อย่าเริ่มต้นวันใหม่ด้วยกาแฟเข้มข้น เพราะฤทธิ์ของกาเฟอีนทำให้เกิดการหลั่งอะดรีนาลีนมากเกินไป จนส่งผลให้ขาดพลังงาน และเกิดภาวะอารมณ์ขุ่นมัว



11.00 น.

ควร : กินโยเกิร์ตสักถ้วยเพื่อเริ่มอุ่นเครื่องน้ำตาลในเลือดให้มีพลังไปจนถึงมื้อเที่ยง และการกินอาหารที่มีแคลเซียมแยกออกมาจากมื้ออาหารจะทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมได้ดียิ่งขึ้น

อย่า : อย่ารีบกินแซนด์วิชตั้งแต่หัววัน โดยตั้งใจว่าจะงดมื้อเที่ยง เพราะเมื่อถึงช่วงบ่าย คุณจะรู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม ซึ่งแน่ล่ะว่าคุณอาจกินมากกว่าเดิมในท้ายที่สุด



13.00 น.

ควร : กินอาหารกลางวันที่อุดมด้วยโปรตีนเพื่อกระตุ้นความตื่นตัว และช่วงเวลานี้จะช่วยเติมเต็มความหิวได้ดีกว่า การกินคาร์โบไฮเดรตมากเกินไปในมื้อกลางวัน อาจทำให้คุณเกิดอาการเฉื่อยชา เลือกอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ เนื้อปลา และอย่าลืมกินผักเยอะ ๆ เช่น สลัดเสริมด้วย ส่วนของหวานควรเป็นถั่วหรือผลไม้

อย่า : อย่ากินมากเกินจำเป็น และหากคุณกินมื้อเที่ยงมาก ช่วงบ่ายนี้จึงเป็นช่วงเวลาดีที่สุดที่จะดื่มกาแฟเพื่อลดอาการง่วงซึม



16.00 น.

ควร : กินผลไม้อบแห้ง เช่น ลูกเกด เพื่อให้ได้แมกนีเซียม แร่ธาตุ เหล็ก และไฟเบอร์

อย่า : อย่าปล่อยใจไปกับของว่างแสนหวานยามบ่าย อย่างช็อกโกแลต และบิสกิต เพราะมันจะเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย



18.30 น.

ควร : ดื่มชาอุ่น ๆ เพื่อผ่อนคลายตัวเองจากความเครียด ในชายังมีฟลาโวนอยด์ และแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วย

อย่า : อย่าเริ่มดื่มแอลกอฮอล์ในตอนนี้ ถ้าคุณอยากนอนหลับฝันดี



19.30 น.

ควร : กินของหวาน เช่น เชอร์เบท ถ้าคุณเฝ้าระวังน้ำหนัก มีผลการทดสอบว่าคนที่บริโภคกลูโคสก่อนมื้อเย็นนั้นจะกินอาหารน้อยและลดน้ำหนักได้ง่าย เมื่อกินของหวานแล้ว คุณอาจรู้สึกอยากกินแค่ซุปมะเขือเทศสักถ้วยก็รู้สึกว่าพอแล้ว

อย่า : อย่าจิบค็อกเทลก่อนกินอาหาร เพราะมันจะเป็นการเพิ่มแคลอรี่ให้ดินเนอร์มื้อนั้นทันที



20.00 น.

ควร : กินบรอกโคลี หรือกะหล่ำ เพราะจะช่วยลดการเกิดมะเร็งในลำไส้ได้ หรือการจิบไวน์ 1-2 แก้ว ในช่วงนี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจด้วยนะ

อย่า : อย่าเป็นกังวลถ้ากินมื้อเย็นเช้า เพราะเข้าใจว่าจะเป็นการกระตุ้นไขมัน เพราะมีผลการวิจัยออกมาว่าคนที่กินอาหารเย็นในช่วงนี้ก็มีการอัตราเผาผลาญไม่แตกต่างนัก

ดูแลตัวเองเรื่องการกินไปแล้ว อย่าลืมหันมาวางแผนการออกำลังกายด้วยนะคะ รูปร่างจะสวยได้ เราต้องทำสองอย่างไปพร้อมๆ กันคะ ทั้งกินอาหารอย่างถูกวิธี และออกกำลังสม่ำเสมอ เป็นประจำ ที่สำคัญคือ เปลี่ยนรูปแบบการออกกำลังกายอยู่เสมอ เพื่อทำให้เรารู้สึกสนุกสนานไปกับการออกกำลังกาย และทำให้เราได้ออกกำลังกายครบทุกสัดส่วนของร่างกายคะ


สำหรับสาวๆ ที่กำลังมองหาโปรแกรมออกกำลังกายในราคาสุดประหยัด ทาง Sanook life ได้รวบรวมรูปแบบการออกกำลังกายมาแรง และฮอตฮิตในหมู่ดารา และสาวๆ ที่รักสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็น Mauy Thai, Self, Defense, Pilates, Yoga Fly และ Boot Camp พร้อมการเต้นทั้ง Jazz, Ballet, Flamenco, Hip Hop, Contemporary เพื่อหุ่นสวยกระชับ และบุคลิกภาพดี นำเสนอให้สาวๆ ในราคาประหยัด สม้ครสมาชิกฟรี พร้อมรับของขวัญสุดพิเศษ ส่วนลด 10% เมื่อซื้อคอร์สออกกำลังกาย และรับส่วนลด 5% สำหรับผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในเว็บไซต์ โดยสามารถติดต่อ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com

เพราะความสวย ไม่มีคำว่า "รอ" หรือ "เดี๋ยวก่อน" อยากสวยและมีสุขภาพดี ก็อย่ารอช้า มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับเรา ชาว "สนุกไลฟ์ Sanook life" สังคมของสาวๆ ผู้รักสุขภาพ พร้อมต้อนรับสมาชิกใหม่ทุกคนคะ

ถ้าพร้อมแล้วอย่ารอช้า เปิดใจรับเรามาเป็นเพื่อนคู่กายคอยดูแลสุขภาพ และเสริมความงาม แต่งเติมวันดีๆ ให้ชีวิตมีความสุขกันนะคะ "ชีวิตมีความสุขสนุกได้ทุกวัน กับ "Sanook life" คะ"

Monday, January 20, 2014

สวยและมีสุขภาพดีต้อนรับตรุษจีน


ในยุค "สุขภาพนิยม" ที่มีวิธีการดูแลสุขภาพหลากหลายแบบให้คนรักสุขภาพเลือกมาใช้ดูแลตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นชีวจิต โยคะ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีการดูแลสุขภาพแตกต่างกันไป

สำหรับคนรักสุขภาพ ยังมีการดูแลตัวเองอีกวิธีหนึ่งที่ทำได้ง่าย เป็น "การดูแลตนเองแบบจีน" ที่ให้ความสำคัญกับร่างกาย จิตใจ ความสมดุล และความสวยงามจากภายในสู่ภายนอก (Body, Mind, Balance, Buauty) เป็นศาสตร์ง่ายๆ ที่ดูแลสุขภาพด้วยสมุนไพร ที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งป้องกัน บำรุง และเสริมสร้างภูมิต้านทานต่างๆ ให้แก่ร่างกาย

เริ่มต้นที่ ร่างกาย (Body) เมนูบำรุงสุขภาพ ควรเป็นเมนูที่เต็มผลไม้และสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น องุ่น ส้ม ที่อุดมไปด้วยวิตามิน ช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ช่วยคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน และเห็ดหลินจือ หรือเห็ดเหมือนปี ที่ชาวจีนเชื่อกันว่าจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว และช่วยป้องกันโรคมะเร็ง

ต่อมาคือ "จิตใจ" (Mind) ร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรง ปราศจากความเหนื่อยล้า จะนำมาซึ่งจิตใจที่สงบ สมองที่ปลอดโปร่ง ช่วยให้ความจำดี จะทำอะไรก็มีความสุข ผลไม้มหัศจรรย์ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงสมอง อย่างโสม แป๊ะก๊วย บลูเบอรี่ ก็เป็นผลไม้ที่คนรักสุขภาพไม่น่าพลาด

ส่วน "ความสมดุล" (Balance) ความสมดุลของร่างกายและจิตใจตามหลักหยิน-หยาง จะนำมาซึ่งความสุขกายสบายใจ การรับประทานผลหม่อนที่มีความพิเศษตรงที่ช่วยระบายความร้อนในร่างกาย น้ำเสาวรสช่วยให้หลับสบาย ส้มช่วยระบบย่อยในร่างกาย จะช่วยให้สุขภาพดีทั้งกายและใจ

ปิดท้ายการดูแลตัวเองแบบจีนด้วย เรื่องความงาม (Buauty) เมื่อร่างกายแข็งแรง สมองปลอดโปร่ง ยิ่งมีผิวที่สดใสอมชมพูก็ยิ่งเสริมสร้างความมั่นใจให้ไม่น้อย "สตรอเบอรี่" ผลไม้แห่งความรัก ที่ประกอบไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี วิตามินบี 1, 2 และเก๋ากี๊ จะช่วยบำรุงผิวพรรณได้ และช่วยบำรุงสายตาด้วย


ที่มา: women.thaiza.com

Saturday, January 18, 2014

วิธีลดหน้าท้องด้วยการออกกำลังกาย




สาวๆ ที่อยากมีหน้าท้องแบนราบ สิ่งสำคัญคุณต้องขยันออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ก็ต้องยอมรับโดยทั่วกันว่า เป็นสิ่งที่สาวๆ หลายคนเบื่อ โดยเฉพาะกับการออกกำลังกายที่ซ้ำๆ จำเจ แถมยังเหนื่อยอีกต่างหาก บางคนก็ไม่มั่นใจว่า วิธีของตัวเองจะช่วยทำให้หน้าท้องแบนราบได้จริงหรือเปล่า วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีออกกำลังกายที่ช่วยลดหน้าท้องให้คุณได้ โดยที่คุณจะไม่เหนื่อยมาก แถมยังสนุกและไม่น่าเบื่ออีกด้วยค่ะ จะมีอะไรบ้างนั้น เราไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ

1. ระบำหน้าท้อง คุณสาวๆ ต้องสวมวิญญาณสาวอินเดียกันหน่อยแล้ว เพราะการเต้นระบำหน้าท้องเป็นการออกกำลังกล้ามเนื้อช่วงหน้าท้องได้ดี จึงช่วยกำจัดพุง ลดหน้าท้อง และยังช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายได้อีกด้วย นอกจากนี้การเต้นระบำหน้าท้อง ยังช่วยเสริมบุคลิกให้คุณดูเป็นสาวพราวเสน่ห์มากขึ้นด้วย

2. โพลแดนซ์  เป็นการเต้นที่ผสมยิมนาสติก หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันว่าเป็นการออกกำลังกายด้วยการเต้นกับเสา ไม่ได้เป็นการเต้นรูดเสาตามผับตามบาร์อะไรนะคะ แต่เป็นการออกกำลังกายแนวใหม่ที่สาวๆ ทั่วโลกกำลังนิยม เพราะสามารถช่วยสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและความยืดหยุ่นได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจในรูปร่างของตัวเองมากขึ้นด้วย แต่ถ้าใครคิดว่ายากหรือว่าไม่เหมาะกับตัวเอง คุณอาจจะลองเลือกเป็นการเต้นรำซัลซาที่เป็นการเต้นแบบละติน  หรือจะเลือกการเต้นแบบบอลรูมที่ง่ายกว่าก็ได้ค่ะ

3. ว่ายน้ำ หลายคนคงเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายที่มีประโยชน์ที่สุด เพราะช่วยบริหารกล้ามเนื้อทุกส่วนในร่างกาย รวมถึงกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วยค่ะ และท่าที่เหมาะสำหรับสาวๆ ที่อยากมีหน้าท้องแบนราบ คือ ท่ากรรเชียง ซึ่งเป็นท่าที่ไม่ต้องใช้กำลังมาก แต่กลับเป็นท่าที่สามารถลดและกระชับหน้าท้องได้เป็นอย่างดีทีเดียวค่ะ

คุณสาวๆ ที่เบื่อการออกกำลังกายแบบเดิมๆ กันอยู่ล่ะก็ จะลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการออกกำลังกายที่เราแนะนำมานี้ก็ได้นะคะ รับรองว่าคุณจะมีรูปร่างที่เพรียวกระชับ สมสัดส่วน หน้าท้องแบนราบ แถมยังมีบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วยค่ะ

สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากเรียนเต้นเพื่อกระชับหน้าท้อง และออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักในราคาสุดประหยัด สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com

ที่มา: for-slim.com

Wednesday, January 15, 2014

ออกกำลังกายตอนเช้าเป็นผลดีต่อการลดน้ำหนัก


หลาย ๆ คนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือกระชับสัดส่วน ส่วนใหญ่แล้วการออกกำลังกายและการควบคุมอาหารการกิน คือทางออกที่ดีและไม่เป็นอันตรายที่สุดค่ะ และมักจะถูกใช้เป็นตัวเลือกต้น ๆ เลยคะ

แต่หลาย ๆ คนอาจยังไม่ทราบว่าเราน่าจะออกกำลังกายเมื่อไหร่ดี เช้า สาย บ่าย เย็น หรือก่อนนอน เวลาที่เหมาะที่สุดคือ ตอนเช้าหลังตื่นนอนค่ะ เพราะว่าการออกกำลังกายตอนเช้าจะทำให้ระบบเผาผลาญของเราทำงานได้ดีกว่าออกกำลังกายเวลาอื่นๆ  รวมถึงเป็นการช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรง คลายเครียดไปในตัว

อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านใดที่ต้องการใช้การออกกำลังเป็นวิธีลดน้ำหนัก เมื่ออ่านจบแล้ว คงต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการตื่นนอนกันนิดนึงนะคะ ตื่นเร็วขึ้นอีกนิดชีวิตเปลี่ยนค่ะ

ที่มา: 108suaysai.com

Sunday, January 12, 2014

"สับปะรด" ผลไม้เพื่อสุขภาพ


หลายคนที่ชอบทานผลไม้โดยเฉพาะสับปะรด คุณรู้ไหมว่า ประโยชน์ของสับปะรดมีดีต่อสุขภาพ มากแค่ไหน หากคุณยังไม่รู้วันนี้เราจึงนำเอาความรู้เกี่ยวกับ ประโยชน์ของสับปะรด มาบอกกล่าวกันค่ะ

1. ช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง รับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นก็จะช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินซีที่สำคัญคือ วิตามินซีช่วยในการทำงานของเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรง เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายติดเชื้อและต่อสู้กับเชื้อโรคต่างๆ การรับประทานสับปะรดวันละหนึ่งชิ้นจึงเป็นการเพิ่มแรงต้านโรคให้แก่ร่างกาย แต่ในผู้ที่มีเลือดจางไม่ควรกินมากนัก

2. ช่วยในการย่อยอาหาร สับปะรดมีกากใยอาหารมากซึ่งมีความสำคัญกับการย่อยอาหาร และเป็นที่รู้กันอยู่ว่ากากใยอาหารช่วยลดคอเลสเตอรอลควบคุมน้ำตาลในเส้นเลือด และช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

3. ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดี สับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ เช่น วิตามินซี เบต้าแคโรทีน และแมงกานีส ที่จะช่วยป้องกันอันตรายจากอนุมูลอิสระที่จะทำลายโครงสร้างของเซลล์ และอาจทำให้เป็นโรคหัวใจและอัมพฤกษ์ อัมพาต นอกจากนี้สารแอนตี้ออกซิแดนต์ยังมีความสำคัญต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายอีกด้วย

4. ป้องกันความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง การรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำและลดการสูบบุหรี่ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งกระเพาะอาหารและมะเร็งเต้านมเพราะสับปะรดมีสารแอนตี้ออกซิแดนต์ที่ช่วยป้องกันอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นตัวการก่อมะเร็ง และจากการศึกษาพบว่า เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยป้องกันการเติบโตของเซลล์ร้ายในปอด ป้องกันมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ใหญ่ และมะเร็งรังไข่

5. ช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ การรับประทานผักและผลไม้ให้ได้วันละ 5 กำมือ จะช่วยลดการเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือมะเร็ง ได้ถึง 20%

6. ช่วยให้เหงือกแข็งแรง สับปะรดช่วยให้สุขภาพในช่องปากแข็งแรง เนื่องจากสับปะรดมีวิตามินซีสูงที่จะช่วยป้องกันความเสี่ยงจากโรคเหงือกได้

7. ช่วยยับยั้งการอักเสบ เอนไซม์ Bromelain ในสับปะรดจะช่วยยับยั้งการอักเสบทั้งนี้ ชาวอเมริกาใต้โบราณ ใช้สับปะรดเป็นยารักษาโรคผิวหนังและรักษาบาดแผล

หมายเหตุ : แม้ว่าสับปะรดจะมีประโยชน์มากแต่ก็ควรกินพอประมาณ เช่น วันละหนึ่งชิ้น และกินผลไม้อื่น ๆ ให้หลากหลายด้วยเพราะการกินอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมให้ผลเสียทั้งนั้น

ที่มา: www.n3k.in.th

Friday, January 10, 2014

เคล็ดลับหน้าใสรับวันเด็ก


การมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง หน้าใสอ่อนกว่าวัย ผิวเนียนนุ่มเหมือนเด็ก คงเป็นความฝันของสาวๆ หลายคน จริงๆ แล้วฝันนี้ทำให้เป็นจริงได้ง่ายๆ คะ โดยปฏิบัติตามเคล็ดลับหน้าใสจากสาวๆ เแดนอาทิตย์อุทัย

สาวๆ ญี่ปุ่นนั้นจะใส่ใจกับการดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก พวกเขาจะสอดแทรกการดูแลตัวเองเล็กๆ น้อยๆ ลงในไลฟ์สไตล์ประจำวัน โดยมีวิธีง่ายๆ ดังนี้คะ

กินพออิ่ม ชาวญี่ปุ่นยึดถือหลักการดูแลสุขภาพของ ไคบาระ เอ็กเค็ง (นักปราชญ์ยุคเอโดะ) มาช้านาน ซึ่งแนะนำให้กินแค่พออิ่มหรือกินอิ่มร้อยละ 80 แล้วเน้นอาหารที่มีไขมันต่ำ ทั้งปลา เต้าหู้ ข้าว ผัก และผลไม้ โดยใช้กรรมวิธีการปรุงไม่มาก เช่น นึ่ง ย่าง ต้ม ผัดเร็วๆ วิธีนี้ช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดี ทำให้ไม่อ้วนจนสุขภาพทรุดโทรมและดูแก่

จิบชาเขียว สารฟลาโวนอยด์ โพลีฟีนอล และคาเทชิน (catechin) ในชาเขียว ช่วยต้านฟรีแรดิคัล (free radical) ในร่างกาย ที่เป็นตัวการทำร้ายเซลล์ผิวจนเกิดริ้วรอยบนใบหน้า

เดินแทนใช้รถ เช่น ไปทำงาน ไปทำธุระตามสถานที่ที่ไม่ไกลมากนัก การเดินเป็นการออกกำลังกายที่สร้างความสดชื่น และกระตุ้นการไหลเวียนเลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆ โดยเฉพาะกระตุ้นให้ใบหน้ามีเลือดฝาด

สังสรรค์ผ่อนคลาย หลังเลิกงานหรือช่วงวันหยุด ควรหาเวลาพักผ่อนกับครอบครัวหรือเพื่อนฝูง สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อหายเครียดจากงานหรือชีวิตที่เร่งรีบ จะช่วยลดการเกิดฟรีแรดิคัลและท็อกซินในร่างกาย

กิน นอน พักผ่อน ออกกำลังกาย และทำงานให้สมดุลแบบชีวจิตเป็นสุดยอดเทคนิคเพิ่มหน้าอ่อนใสได้สุขภาพเช่นเดียวกันค่ะ

ที่มา: women.mthai.com

Thursday, January 9, 2014

แตงซูกินีส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับคนลดน้ำหนัก


แตงซูกินีดีอย่างไร 

แตงซูกินีอยู่ในตระกูลเดียวกับฟัก น้ำเต้า และฟักทอง เป็นยาระบาย และขับปัสสาวะอย่างอ่อน ทั้งยังอ่อนโยนต่อระบบการย่อยอาหาร นอกจากนี้ยังหนักท้องทำให้อิ่มนาน และมีคุณสมบัติเป็นด่างช่วยลดกรดที่มีปริมาณสูงในอาหารปกติของคนส่วนใหญ่ และยังช่วยรักษาตับ ช่วยให้การเผาผลาญของร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่สำคัญแตงซูกินีเป็นอาหารที่สูงด้วยใยอาหาร ช่วยบำรุงระบบการย่อยให้แข็งแรง ลดคอเลสเตอรอล และล้างพิษให้ร่างกาย เหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก

สารอาหารที่ได้จากแตงซูกินี

วิตามินซี
เบตาแคโรทีน
แคลเซียม
แมกนีเซียม
ฟอสฟอรัส
โพแทสเซียม
ใยอาหาร



เมนูอาหารลดน้ำนหัก (แตงซูกินีสอดไส้กุ้ง)

แตงซูกินี 8 ผลเล็ก ลวกสักหน่อย
หอมใหญ่ 1 หัว สับละเอียด
กระเทียม 1 กลีบ สับละเอียด
น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
มะเขือเทศ 4 ผล สับละเอียด
ทาบาสโก 2 หยด
ใบไทม์ 1 ช้อนชา
กุ้งสุก 250 กรัม แกะเปลือก


ผ่าครึ่งแตงซูกินีตามยาว คว้านเนื้อออก และสับ ทอดหอมใหญ่ และกระเทียมด้วยน้ำมัน เติมมะเขือเทศ เนื้อแตงซูกินี และเครื่องปรุงรส ตั้งให้เดือดกรุ่น 10 นาที เติมกุ้ง เทใส่เปลือกแตงซูกินีปิดฝา และอบในเตาอบที่อุณหภูมิ 220 องศาเซลเซียส หรือ 425 องศาฟาเรนไฮท์ หรือแก๊สระดับ 7 นาน 15 นาที หลังจากนั้นก็อร่อยกันได้เลยจ้า

ที่มา: looseweightwith100dietfoods.blogspot.com

Sunday, January 5, 2014

วิธีลดพุงง่ายๆ ได้ผลชัวร์


สาว ๆ หลายคนอาจจะกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่าง บางคนอาจจะหุ่นดีอยู่แล้ว แต่ทำไมพุงดันยื่นเสียนี่ ไม่เข้าใจตัวเองจริง ๆ เฮ้อ …. คงท้อใจกันสินะคะ

วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ ในการลดพุงมาฝากกันคะ เป็นวิธีง่ายๆ ที่สาวๆ ทำได้เอง ไม่ต้องพึ่งหมอ หรือยาลดความอ้วนใดๆ และรับรองว่าได้ผลชัวร์ๆ คะ

อันดับแรกสาวๆ  ต้องมาดูกันว่าพฤติกรรมในการรับประทานอาหาเป็นอย่างไร สำหรับคนที่ชอบดื่ม แอลกฮอล์ ชา กาแฟ หรือว่าชอบรับประทานอาหารที่มีรสเค็ม ก็ต้องงดกันเลยดีกว่านะ เนี่ยละ เป็นสาเหตุที่ทำให้สาวๆ มีพุงที่ไม่ได้รับเชิญมาเยือนไงละ

สาวๆ คนไหนที่อยากลดหน้าท้องเฉพาะก็ลองหันไปซิทอัพ วันละ 50-100 กันดูคะ นอกจากนี้ควรฝึกกล้ามท้อง (tranverse abdominis) เป็นประจำ ทำได้โดยการหายใจเข้าให้สุด และหายใจออกให้สุดพร้อมกับแขม่วดึงหน้าท้องเข้าให้สุดพร้อมกับเกร็งค้างไว้ คล้ายๆการฝึกโยคะ (abdominal vacumm) นั่นเองคะ

กิจกรรมอีกอย่างที่ไม่ควรมองข้าม คือ  การขยันเดินขึ้นลงบันไดแทนลิฟต์ เพราะเป็นการใช้พลังจากกล้ามเนื้อหน้าท้องส่วนล่าง

อีกอย่างที่ขาดไม่ได้ก็คือ หันมาทานโยเกิร์ตกันบ้างนะ เพราะว่าในโยเกิร์ตช่วยในเรื่องระบบย่อยอาหารและยังมีแบคทีเรียสำหรับปรับสมดุลและป้องกันเชื่อโรคได้ดีขึ้น

นอกจากนี้ยังควรเข้านอนแต่หัวค่ำ และนอนประมาณ 6-8 ชั่วโมง เพราะในการนอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ต่อวัน จะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ช่วยเผาผลาญพลังงาน

ตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือ น้ำเปล่า เพราะร่างกายจะนำน้ำไปใช้ในการเผาผลาญไขมัน โดยควรดื่มอย่างน้อย 2 ลิตรต่อวัน หรือ 8-10 แก้ว นอกจากนั้นผักสดต่างๆ ก็สามารถช่วยดูดซับไขมันในอาหารได้ หรือจะเป็นแอปเปิ้ลและฝรั่ง  ก็ช่วยลดความหิวได้ดีเลยทีเดียวละคะ

ลองนำไปทำกันดูนะ เป็นวิธีที่ไม่ยุ่งยาก แต่ว่าทำแล้วได้ผลเป็นอย่างแน่นอน

บทความโดย นันทพร คำยอด

Friday, January 3, 2014

6 สุดยอดเครื่องดื่มสลายหน้าท้อง


"น้ำ" ที่ทำให้หน้าท้องของเราแบนเรียบใช่ว่าจะต้องมีรสชาติไม่น่าอภิรมย์เสมอไป ลองกินน้ำเหล่านี้ดูแล้วคุณจะติดใจ!



1. น้ำเปล่าเสริมรส การทำให้ร่างกายชุ่มชื้นอยู่เสมอ มีความสำคัญมากหากคุณต้องการจะลดน้ำหนัก การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยรักษาสมดุลของเหลวในร่างกาย ช่วยลดอาการบวมน้ำ (ที่เป็นสาเหตุให้ท้องอืดป่องขึ้นมา) และแถมยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่ม จึงกินน้อยลง แต่ถ้าคุณไม่ชอบดื่มน้ำเปล่า ลองใส่สมุนไพรสด มะนาว ผลไม้ (หรือแม้แต่แตงกวาฝานก็ช่วยได้) เพื่อช่วยให้คุณดื่มน้ำมากขึ้น



2. น้ำแตงโม ตราบใดที่คุณไม่ตักน้ำตาลเพิ่มลงในสมูธตี้ เครื่องดื่มชนิดนี้จะช่วยให้ร่างกายคุณชุ่มชื้นได้อย่างดี โดยเฉพาะสมูธตี้แตงโมที่มีแคลอรีต่ำเพียง 56 แคลอรีต่อแก้ว ไม่เพียงแต่แตงโมจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่มาก มันยังมีสารอาหารมากมายรวมถึงไลโซพีน ที่ช่วยต้านมะเร็ง รวมถึงกรดอะมิโนชื่อว่า อาร์จินีน ซึ่งการศึกษาตีพิมพ์ใน Nutrition ชี้ว่ามันช่วยสร้างมวลกล้ามเนื้อเรียว จึงช่วยให้หน้าท้องของคุณแฟ่บลงหน่อยนั่นเอง



3. ชามินต์ใส่น้ำแข็ง รสเย็นของมินต์จะช่วยให้คุณรู้สึกสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก มินต์ช่วยให้ระบบย่อยอาหารของเราย่อยสลายไขมัน แม้แต่อาหารไขมันสูงอย่างเบอร์เกอร์หรือสเต็กก็จะถูกย่อยอย่างรวดเร็ว และลดอาการท้องอืดได้ด้วย



 4. เฟลปเป้สับปะรด สัปปะรดมีสารที่เรียกว่า โบรมีเลน ซึ่งเป็นเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้การย่อยอาหารง่ายขึ้น ช่วยลดอาการท้องอืด นอกจากนี้ การใส่น้ำมันเมล็ดแฟล็กซ์ซึ่งมีไขมันโมเลกุลเดี่ยวไม่อิ่มตัวก็จะช่วยให้หน้าท้องแบนราบได้ด้วย



5. ชาเขียว นอกจากลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งและโรคหัวใจแล้ว ชาเขียวยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสุดยอดตัวหนึ่งชื่อว่า คาเทชิน ซึ่งช่วยลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ถ้าคุณจิบชาเขียวก่อนออกกำลังกายจะช่วยเพิ่มอัตราเผาผลาญในระหว่างออกกำลังกาย



6. ดาร์กช็อกโกแลตเชค ขัดกับความเชื่อที่ว่ากันว่า ช็อกโกแลตผสมกับนมจะนำมาซึ่งความอ้วน เพราะดาร์กช็อกโกแลตสามารถช่วยให้คุณผอมได้โดยการลดความอยากอาหารอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่แก้วหนึ่งอาจมีถึง 400 แคลอรี คุณอาจจะต้องเตือนใจไว้ว่าช็อกโกแลตเชคถือเป็นมื้ออาหารมากกว่าที่จะเป็นของว่าง ในวันที่คุณรีบ มันจึงเป็นอาหารเช้าที่ดีเชียวล่ะ!

ที่มา: health.kapook.com

4 อาหารลดไขมันรอบเอว


เจ้าความอ้วนนั้น เป็นตัวการร้ายที่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่ยอมหายไปจากชีวิตของเราสักทีนะคะคุณสาวๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณรอบๆ เอวของตัวเรา แต่อย่าเพิ่งหมดหวังคะ วันนี้เรามีอาหารลดไขมันรอบเอวมาฝากกันคะ

มีผลการค้นคว้าวิจัยออกมาแล้ว ว่าอาหารเหล่านี้สามารถะช่วยลดปริมาณไขมันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่บริเวณไขมันรอบๆ เอว หรือที่ใครๆ หลายคนมักจะเรียกจนติดปากว่า ห่วงยาง นั่นเองแหละค่ะ ….



1. อะโวคาโด : อุดมไปด้วยสารเบตาซิสโตสเตอรอล ซึ่งช่วยในการดูดซึมของคอเลสเตอรอล มีเส้นใยอาหาร ทั้งชนิดที่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการขจัดเจ้าคอเลสเตอรอลส่วนเกินให้ออกไปจากร่างกาย และชนิดที่ไม่ละลายน้ำ ซึ่งจะช่วยในการป้องกันอาการท้องผูก ปริมาณของอะโวคาโดที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ ครึ่งถ้วย



2. บร็อกโคลี่ : นักค้นว้าวิจัยได้ระบุเอาไว้ว่า สารอาหารที่อยู่บร็อกโคลี่อย่างแคลเซียมนั้น จะช่วยทำให้ร่างกายสามารถที่จะเผาผลาญแคลอรีที่ได้สะสมเอาไว้จนเป็นไขมันส่วนเกินได้ และบร็อกโคลี่ก็เป็นผักที่เป็นแหล่งของสารอาหารอย่างแคลเซียม ซึ่งไม่มีไขมันอยู่เลย ปริมาณของบร็อกโคลี่ที่แนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ถ้วยครึ่ง ถึง 2 ถ้วย



3. ถั่วและเมล็ดพืชต่างๆ : ในถั่งแล้วเมล็ดพืชต่างๆ จะมีสารอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะในถั่วเปลือกแข็งและเมล็ดพืชต่างๆ เช่น ถั่วลิสง ถั่วอัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ เมล็ดฟักทอง เมล็ดดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 2 ช้อนโต๊ะ



4. น้ำมัน : ควรจะเลือกกินน้ำมันที่มีประโยชน์ในการช่วยลดน้ำหนักได้ น้ำมันพืชต่างๆ ที่ช่วยในการลดน้ำหนักได้ ได้แก่ น้ำมันมะกอก น้ำมันชา น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน ปริมาณแนะนำให้รับประทานต่อ 1 วัน คือ 1 ช้อนโต๊ะ

นอกจากเรื่องอาหารการกินแล้ว สิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปด้วย ก็คือต้องทำการออกกำลังกายเป็นประจำ จะได้มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง และมีความสวยสดใสอยู่ตลอดเวลาเลยค่ะ …

ที่มา: www.shape.in.th