Wednesday, March 25, 2015

น้ำมันมะพร้าวสารพัดประโยชน์ Coconut Oil

น้ำมันมะพร้าวสารพัดประโยชน์

1. บำรุงผิวพรรณ 
น้ำมันมะพร้าวใช้ทาผิวเพื่อบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสไม่แห้งกร้าน และยังช่วยในการชะลอวัย ชะลอความเสื่อมของร่างกาย เพราะน้ำมันมะพร้าวมีบทบาทในการช่วยต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี น้ำมันมะพร้าวจะดูดซึมไปกับผิวได้ในเวลาแค่แป๊บเดียว

2. ใช้ล้างเครื่องสำอาง
หน้าที่ผ่านมา หน้าต่อไป 
น้ำมันมะพร้าวใช้เป็นคลีนซิ่งทำความะสะอาดผิวได้ แถมยังมีส่วนช่วยในผลัดเซลล์ผิวอีกด้วย จึงช่วยทำให้ผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ เพียงแค่ทาน้ำมันทั่วหน้า แล้วเช็ดออกด้วยผ้าหรือสำลี แค่นี้เอง!

3. รักษาสิว
น้ำมันมะพร้าวมีสารขจัดแบคทีเรีย เมื่อใช้เป็นประจำ จะสังเกตเห็นได้ว่าสิวลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด และยังช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้อีกด้วย

4. ใช้รักษาแผลติดเชื้อ/ แมลงกัดต่อย/ แผลฟกช้ำ
น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ เชื้อไวรัส โปรโตซัว โดยไม่ทำให้เกิดอาการดื้อยาของเชื้อโรค

5. ใช้ขัดตัว 
ผสมน้ำตาลแล้วใช้ขัดตัว น้ำมันมะพร้าวจะมีส่วนช่วยในผลัดเซลล์ผิว และช่วยทำให้ผิวที่มีรอยหมองคล้ำค่อยๆจางหายไปได้ จึงช่วยทำให้ผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ

6. ครีมนวดผม
ช่วยบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมร่วง ผมแตกปลาย ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมตอนแห้งแล้วทิ้งไว้ 20 นาทีแล้วสระออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่พันกัน เส้นผมตรงมากยิ่งขึ้น

7. ครีมทาก่อนกำจัดขน
ไม่เพียงแต่ทำให้ผิวของคุณชุ่มชื้นลื่นง่ายต่อการโกนขน น้ำมันมะพร้าวจะช่วยทำให้ผิวบริเวณนี้มีความชุ่มชื้นไม่แห้งแตกลายได้ด้วย

8. เพื่อทำอาหาร
เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดกลางจึงถูกย่อยได้เร็วไม่มีการสะสมในร่างกาย โมเลกุลตัวนี้จะไปกระตุ้นกระบวนการเมตาบอลิซึม ทำให้แคลอรี่ที่เราทานเข้าไปในรูปของอาหารถูกเผาผลาญไปทำให้เหลือสะสมไขมันในร่างกายน้อยลง น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดตัวนึงแทนน้ำมันอื่นๆที่ใช้ในการทำอาหาร

9. อาหารเสริม
ใช้รับประทานเป็นอาหารเสริม โดยผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1-3 ช้อนโต๊ะ ส่วนเด็กรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา โดยแบ่งรับประทานออกเป็นมื้อๆจนครบตามจำนวน หรือจะนำมาใช้ผสมเป็นเครื่องดื่มต่างๆหรือน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและบำรุงกำลัง

10. ใช้ขัดเงาและบำรุงพื้นผิวไม้ เหล็ก หนัง
ใช้น้ำมันมะพร้าวเพียงเล็กน้อยบนผ้าแล้วลูบพื้นผิวพื้นไม้ เหล็ก หรือหนัง ก็จะทำให้พื้นผิวเงางามได้เลย

11. ใช้บำรุงดูแลสัตว์เลี้ยง 
ไม่ว่าจมูกสัตว์เลี้ยงของเราจะแห้ง เท้าแตก หรือจะใช้บำรุงขนสัตว์ น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันจากธรรมชาติที่ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับดูแลพวกเค้าค่ะ

เจนี่ และเพื่อนชาย โชว์ลีลาโยคะกลางสระน้ำ

เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ โชว์ท่ายากอีกแล้วจากการเล่นโยคะ ลีลาสุดแซ่บกลางสระน้ำกับเพื่อนชายเจสัน


เป็นสาวที่รักการออกกำลังกายสุดฤทธิ์สำหรับ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ จึงไม่แปลกใจที่รูปร่างของ เจนี่ ยังคงเป๊ะได้ตลอด เรียกว่าพร้อมเสมอสำหรับการใส่บิกินี่ หลายคนที่เป็นแฟนคลับของเธอจะได้เห็นภาพการออกกำลังกายอยู่เป็นประจำทั้งการยกเวท ว่ายน้ำ Pilates ปีนผ้า Yoga fly ใครอยากมีหุ่นเป๊ะแบบเธอคงต้องเพิ่มเวลาในการดูแลตัวเองกันหน่อยนะจ๊ะ  


ล่าสุด เจนี่ ขอเวลาส่วนตัวเพื่อพักผ่อนกับเพื่อนฝูงริมทะเล พร้อมกับจัดภาพสุดเก๋เป็นโยคะกลางสระน้ำ


แบบนี้ต้องบอกว่าเป็นท่ายากเพราะคนธรรมดาที่ไม่ได้ออกกำลังกายและฝึกฝนอย่างเป็นประจำแบบนี้คงทำได้ลำบากนะคะ


ที่มา: sanook

Tuesday, March 24, 2015

สาวๆ ใครที่อยากก้นเด้ง ก้นสวย มาทางนี้เลย

สาวๆ ที่มีปัญหาก้นใหญ่ ก้นย้อย ใส่กางเกงยังไงก็ไม่สวย ยิ่งเวลาใส่บิกินี่ไม่ต้องพูดเลย ถึงเวลาแล้วที่เราจะมาปฏิวัติตัวเอง ด้วยการออกกำลังกาย เพื่อสุขภาพที่แข็งแรง และได้ก้นงอนงามดั่งใจ

         นี่คือ 5 ท่ากระชับ ก้นสวย รับรอง 1 เดือนเห็นผล!  วันแรกให้เริ่มต้นจาก 50 ครั้งในท่าเดียว แต่ถ้าชอบทำหลายๆท่าให้เฉลี่ยจนครบ 50 ครั้ง วันแรกให้เริ่มต้นที่ 50 ครั้ง วันที่ 2 เป็น 55 ครั้ง เพิ่มไปทุกวันวันละ 5 ครั้ง จนครบหนึ่งเดือน ในหยุดสัปดาห์ ควรหยุดพักผ่อนร่างกายหนึ่งวัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูกล้ามเนื้อหลังจากที่อ่อนล้ามาทั้งอาทิตย์  สาวๆ ใครที่อยากก้นเด้ง ก้นสวย มาทางนี้เลย…


ท่า Squat  กางขาทั้งสองข้างโดยกว้างเท่ากับหัวไหล่ของคุณ จากนั้นค่อยๆย่อตัวลงทำท่าเหมือนนั่งบนเก้าอี้ มือทั้งสองข้างยื่นไปด้านหน้า หรือเท้าสะโพกเอาไว้ก็ได้ สายตามองไปข้างหน้า หัวเข่าทั้งสองข้างต้องไม่เลยปลายเท้า ทิ้งน้ำหนักไปทางด้านหลัง ท่านี้ถือเป็นท่าพื้นฐานที่สาวๆต้องทำ!
ท่า Lunge  เริ่มจากยืนตัวตรง กางขาเล็กน้อย มือทั้งสองข้างเท้าสะเอวไว้ ก้าวเท้าข้างใดข้างหนึ่งไปด้านหน้า แล้วย่อตัวให้หัวเข่าด้านหลังเกือบถึงพื้น หัวเข่าด้านหน้าทำมุมฉาก 90 องศา และหัวเข่าต้องไม่เลยปลายเท้า พยายามให้หลังตรง และหน้ามองตรงไปข้างหน้า แล้วดึงเท้ากลับมายืนตำแหน่งเดิม ถ้าเริ่มออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว สามารถเพิ่มความโหดด้วยการใช้ดัมเบลเป็นตัวช่วยด้วยก็ได้

ท่า Donkey Kicks   เริ่มจากอยู่ในท่าคุกเข่าลง วางข้อศอกทั้งสองข้างไว้กับพื้น มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ แล้วยกขาข้างใดข้างหนึ่งไปทางด้านหลัง โดยให้ทำมุม 90 องศา แล้วค่อยๆลดหัวเข่าลงกลับมาอยู่ท่าเดิม
ท่า Bridge  เริ่มต้นจากนอนหงายกับพื้น วางแขนสองข้างแนบกับลำตัวไว้ หัวเข่าทั้งสองข้างตั้งชันขึ้นมา แล้วยกสะโพกขึ้นให้สูง โดยให้หัวไหล่ สะโพก หัวเข่า เป็นแนวเฉียง จากนั้น hold ลมหายใจค้างไว้ แล้วค่อยๆวางตัวลงมาจากหลังบน ค่อยๆไล่วางลงไปจนถึงหลังล่าง
ท่า Dumbbell Squats  ยืนกางขาทั้งสองข้าง แล้วยกดัมเบลขึ้น จากนั้นย่อตัวลงให้ขากางออก หงายมือที่ถือดัมเบลทั้งสองข้าง แล้วกลับมาอยู่ท่าเดิม
งานนี้จะท่าเดียว หรือ หลายท่าก็แล้วแต่สาวๆเลยนะจ๊ะ!
ที่มา: woman mthai

Friday, March 20, 2015

กอล์ฟ!!! กีฬาแห่งความท้าทายที่คนไม่ลองเล่นไม่เข้าใจ

กอล์ฟ!!! กีฬาแห่งความท้าทายที่คนไม่ลองเล่นไม่เข้าใจ
เราอาจจะเคยเห็นสนามกอล์ฟ Golf ที่กว้างใหญ่และกินพื้นที่จำนวนมาก พร้อมทั้งนักกีฬาที่ถือไม้กอล์ฟ Golf เดินไปในสนามหญ้านั้น โดยมีคนแบกอุปกรณ์เดินตามนักกอล์ฟที่ต้องพยายามจะตีลูกให้ลงหลุมให้ได้ จนมีหลายคนค่อนขอดว่า


กอล์ฟ Golf นั้นเป็นกีฬาสำหรับคนรวย !!!
เพราะอุปกรณ์กีฬาการเล่นทั้งสนามที่ใช้นั้นก็มีราคาที่สูงมาก แต่เราก็ยังเห็นว่ามีคนมากมายที่หลงใหลในเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ มันเพราะอะไรกัน

ผู้ที่ชอบเล่นกอล์ฟหลายคนยืนยันว่ากีฬากอล์ฟ Golf นั้นแม้จะไม่มีการโวยวายกรีดร้องโหวกเหวกหรือทำอะไรรวดเร็วว่องไหวเหมือนกีฬาชนิดอื่น แต่การจะตีลูกให้ลงหลุมบนพื้นที่กว้างขนาดนั้นได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันเป็นสิ่งที่ท้าทายความอยากเอาชนะในตัวคนเป็นอย่างมาก แม้แต่ท่วงท่าที่จะใช้ตีนั้นก็ต้องจัดกันอยู่นาน เพื่อให้ได้องศาที่เหมาะสม และแน่ใจว่าจุดที่ยืนและท่วงท่าที่ใช้นั้นจะสามารถตีกอล์ฟ Golf ไปถึงเป้าหมายได้ เริ่มตั้งแต่การเลือกอุปกรณ์ก็ต้องพิถีพิถัน จับถนัดมือ บางคนนั้นยอมจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้ไม้กอล์ฟที่ถูกใจ อีกทั้งในขณะตีกอล์ฟ Golf นั้นสมาธิต้องแน่วแน่ ไม่วอกแวก นอกจากนี้กอล์ฟ Golf ยังต้องอาศัยการอ่านทิศทาง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางลม หรือองศาในการตี เพื่อจะได้ปรับระดับการออกแรงได้อย่างถูกต้อง เรียกได้ว่าต้องใช้เทคนิคแทบทุกด้านผสมผสานกันอย่างมีสมาธิ ด้วยเหตุนี้หลายคนจึงแอบนินทาว่ากอล์ฟนั้นเป็นกีฬาคนแก่ เพราะมันต้องการสมาธิสูง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าใครก็สามารถเล่นกีฬากอล์ฟได้ทั้งนั้น เพราะการต้องทำสมาธิให้นิ่งนั้น คือความท้าทายที่ทั้งคนสูงวัยและเด็กๆสมควรจะลองได้ฝึกฝนเป็นอย่างยิ่ง

Pilates for Golf
Hit the ball farther, straighter and more accurately with less chance of injury…
Whether twisting the body on a drive, squatting down to measure a putt or leaning over to pick up a ball, golfers constantly torquing their bodies. Golf also requires repeating the same essential movements. As a result some muscles become overused and others weaken, causing an imbalance.

For a golfer, muscle imbalances can affect the legs, hips, arms, shoulders, and the lower back. It can also affect your game, particularly for those over the age of 50. Your drives may be shorter and less accurate, your stamina may decrease, and the potential for debilitating strains, pulls and tears becomes much higher.

Many golfers - from weekend warriors to the game’s elite like Tiger Woods and Annika Sorenstam - are now turning to Pilates as an essential training tool that keeps the body in balance and actually improves performance. Improve your performance today Click Here

 





พิลาทิส Pilates คือวิธีการออกกำลังที่ได้ผลจริงๆหรือ?

หนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ พิลาทิส Pilates เป็นที่นิยมไปทั่วโลกก็คือ มันช่วยทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงหรือช่วยสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงขึ้นในขณะที่คุณเพิ่งเริ่มจะเล่นฟิตเนสหรือออกกำลังกาย ซึ่งการสร้างกล้ามเนื้อนี้ไม่ได้เป็นในลักษณะของการฝึกความแข็งแรงแบบ Strength training workouts การฝึกยกน้ำหนักอย่างเช่นการฝึกทั่วไปมักจะได้มัดกล้ามเนื้อเฉพาะจุด แต่ว่าการออกกำลังกายแบบ พิลาทิส Pilates นั้นสร้างกล้ามเนื้อส่วนอื่นๆทั่วร่างกาย ทั้งหมดนี้เป็นผลมาจากการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อแบบไดนามิกและกล้ามเนื้อทำงานกับส่วนอื่นๆ ซึ่งอยู่ในกระบวนการที่รู้จักกันว่า Dynamic tension

 ในส่วนความแตกต่างในด้านอื่นๆนั้น พิลาทิส Pilates ไม่ได้เป็นการออกกำลังกายที่แยกกล้ามเนื้อ มันทำให้คุณสามารถออกกำลังกายได้หลายกล้ามเนื้อพร้อมๆกัน ผลพลอยได้คือคุณจะมีความแข็งแรงมากกว่าการออกกำลังแบบเดิมๆที่โฟกัสไปที่กล้ามเนื้อจุดใดจุดหนึ่งเท่านั้น ซึ่งก็เป็นวิธีที่ไม่ยากและเหมาะสำหรับทุกคน

นอกจากนี้การออกกำลังกายแบบ พิลาทิสนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังเคลื่อนตัวไปตามการเคลื่อนไหวของแต่ละท่าและเหมาะสม ช่วยให้ร่างกายมีความสมดุลและมีจุดศูนย์กลางที่ดีไม่ว่าร่างกายจะเป็นไปในท่วงท่าใด และช่วยให้กระดูกสันหลังแข็งแรงมากขึ้นมีความยืดหยุ่นมากขึ้นซึ่งช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและเสริมบุคลิกท่าทางให้ดูดีขึ้น ทั้งนี้ไม่ใช่ว่าคุณจะหยุดฝึกการออกกำลังกายแบบเดิมไป ถ้าคุณยังชื่นชอบมันอยู่ ในความเป็นจริง คุณอาจจะแบ่งออกกำลังกายแบบพิลาทิส pilates ในวันหยุด เพราะมันสามารถเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อและการเคลื่อนไหวร่างกายที่แม่นยำขึ้นลดอาการบาดเจ็บที่จะมีต่อกล้ามเนื้อของคุณได้ในขณะที่คุณฝึกยกน้ำหนักแบบเดิมของคุณ  

บางคนคิดว่า พิลาทิส pilates เป็นการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพและช่วยลดน้ำหนักส่วนเกิน น้ำหนักที่เกินพอดีสร้างความตึงเครียดให้กับระบบต่างๆของร่างกายไม่ว่าจะเป็นข้อต่อหรือกล้ามเนื้อ การฝึกพิลาทิสอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายทำงานอย่างสัมพันธ์กัน ส่งผลให้เกิดความยืดหยุ่นที่เพิ่มขึ้น มีความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อสูงขึ้นและเคลื่อนไหวทรงตัวได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

การควบคุมการหายใจ การหายใจได้ลึกๆก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกแบบพิลาทิส ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเชื่อว่าการหายใจจะช่วยให้ออกซิเจนกระจายไปยังกล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่ออื่นๆ ยิ่งหายใจได้ลึก กล้ามเนื้อก็จะได้รับออกซิเจนได้ทั่วถึงทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นมากกว่าการฝึกในรูปแบบอื่นๆ ให้ทำให้โพสท่าหรือทำท่าอื่นๆได้เป็นระยะเวลาที่นานขื้น

วิธีการฝึก พิลาทิส pilates นั้นจะแตกต่างไปตามความต้องการของแต่ละคนและจะแตกต่างกันไปตามเทคนิคที่ใช้ฝึกฝนด้วย เช่น Balanced Body Pilates คือการออกกำลังกายที่ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มเส้นโค้งไปตามธรรมชาติของกระดูกสันหลังและสะบัก ในส่วนของรูปแบบอื่นๆนั้น พิลาทิสมุ่งเน้นที่จะรักษากระดูกสันหลังให้ตรงและหลังแบน วิธีทั้งหลายที่ใช้ฝึกนั้นจะอาจจะสร้างความแตกต่างที่คุณสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แต่จะมีเพียงหนึ่งวิธีเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับคุณ ดีที่สุดสำหรับคุณและทำให้คุณรู้สึกสบายมากขึ้น หากคุณทดลองฝึกหรือลองเข้าเรียน พิลาทิส pilates คุณก็จะค้นพบได้ว่าวิธีไหนดีสำหรับคุณแน่นอน

Pilates Bangkok Promotion Click
Call: 081-6600864 Chat on Line ID: sanooklife.com

Thursday, March 19, 2015

แก่ง่าย ตายไว เพราะใส่ครีมเทียม

แก่ง่าย ตายไว เพราะใส่ครีมเทียม อยากให้คอกาแฟทรีอินวันทุกคนได้อ่าน


กาแฟเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่เก่าแก่ และเป็นที่นิยมมากที่สุดของมนุษย์โลก ขอสารภาพว่า หมอเองก็เป็นหนึ่งในมนุษย์โลกที่ดื่มกาแฟทุกวันค่ะ บ่อยครั้งที่คนมักแปลกใจเมื่อเห็นคนบ้าสุขภาพอย่างหมอดื่มกาแฟ และถามว่า “ดื่มกาแฟไม่เสียสุขภาพเหรอ?” คำตอบคือ สำหรับตัวกาแฟเองแล้ว หากดื่มวันละ 1-2 แก้ว ไม่ได้รับคาเฟอีนมากเกินไปจนใจสั่นแล้วล่ะก็ ไม่ได้มีอันตรายอะไรกับสุขภาพ แถมกาแฟเองยังมีสารต้านอนุมูลอิสระซึ่งดีกับสุขภาพด้วยซ้ำ

แต่ตัวร้ายที่แอบบ่อนทำลายสุขภาพนั้นคือ “เพื่อนของกาแฟ” ที่เรียกกันติดปากว่า ครีมเทียม ต่างหาก คุณผู้อ่านที่ดื่มกาแฟใส่ครีมเทียมทุกวัน เคยพลิกดูส่วนประกอบของครีมเทียมไหมคะว่ามีอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าครีมเทียมแต่ละแบรนด์มีส่วนประกอบแตกต่างกันไปบ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะประกอบไปด้วย น้ำเชื่อม น้ำมัน และสารเคมีสังเคราะห์เพื่อเลียนแบบรสตามธรรมชาติ!
 
น้ำเชื่อม ที่ใช้กันมากคือ Glucose syrup, Corn syrup และบางแบรนด์อาจใช้เป็น High Fructose Corn Syrup (HFCS) น้ำเชื่อมเหล่านี้มีการใช้กันมากในอุตสาหกรรมอาหารเพราะมีราคาถูก โดยเฉพาะ HFCS ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไป จะส่งผลให้น้ำตาลในเลือดขึ้นได้เร็ว เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะอ้วนลงพุงมากกว่าน้ำตาลปกติตามธรรมชาติ และยังพบว่าการรับประทาน HFCS เป็นประจำ เพิ่มระดับของไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด ส่งเสริมการสร้างไขมันที่ตับ และยังเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจด้วย


น้ำมัน เพื่อให้เกิดความหอมมันเมื่อเติมลงในกาแฟในราคาย่อมเยา ผู้ผลิตเลือกใช้น้ำมันประเภท “Partially hydrogenated soybean oil” ซึ่งเป็นไขมันสังเคราะห์ที่จัดอยู่ในกลุ่ม ไขมันทรานส์ ซึ่งเป็นไขมันที่เลวร้ายต่อสุขภาพที่สุด เพราะเป็นไขมันที่มีงานวิจัยมากมายว่า เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วนลงพุง หลอดเลือดหัวใจ รวมไปถึงมะเร็งอีกหลายประเภท ในบางแบรนด์อาจระบุว่า “0% Trans Fat” แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีไขมันทรานส์แอบแฝงอยู่ เพราะตามกฎแล้ว หากผลิตภัณฑ์ใดมีไขมันทรานส์น้อยกว่า 0.5 กรัมต่อหน่วยบริโภค จะสามารถแอบอ้างว่า 0% Trans Fat ได้โดยไม่ผิดกฎกติกา

ส่วนประกอบสำคัญส่วนที่สามคือ สีและสารแต่งกลิ่นรสสังเคราะห์มากมาย เพื่อให้ผงสีขาวๆนั้น มีรสชาติเหมือนครีมจริงๆ สมชื่อครีมเทียม นอกจากครีมเทียมจะไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพแล้ว ยังไประรานกับผลดีต่อสุขภาพที่เกิดจากการดื่มกาแฟด้วย เพราะมีงานวิจัยพบว่า สารจากครีมเทียม จะไปลดการดูดซึมของสารต้านอนุมูลอิสระจากในกาแฟลงราว 30% รวมถึงดูดซึมได้ช้าลงด้วย การเติมครีมเทียมลงไปจึงเป็นการลดคุณประโยชน์ที่เกิดจากการดื่มกาแฟ

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจบอกว่า ก็รู้นะ..ว่าไม่ดีกับสุขภาพ แต่จะให้กินกาแฟดำเหมือนหมอ ขอกินน้ำเปล่ายังดีเสียกว่า สำหรับคนที่กำลังบ่นในใจอยู่นั้น หมอแนะนำว่าอาจลองเปลี่ยนมาทำให้กาแฟของคุณสีสวยขึ้นด้วย นมวัวไขมันต่ำ หรือ นมถั่วเหลืองรสจืด อาจจะไม่หอมมันชวนเสพติดเท่าครีมเทียม แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้คุณแก่ง่ายและตายผ่อนส่งนะคะ

จริงอย่างที่กูรูด้านอาหารสุขภาพ ไมเคิล พอลแลน ได้กล่าวไว้ค่ะ "การกินอาหาร คือ กินสิ่งที่เป็นอาหารจริงๆ ไม่ใช่สิ่งสังเคราะห์ที่ทำหน้าตา หรือรสชาติให้เหมือนอาหาร" 

ที่มา: เครือข่ายคนไทยไร้พุง
พญ.ธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล (หมอผิง)
Twitter, Instagram: @thidakarn

บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน 
ในชุดโครงการ “รวมพลัง ขยับกาย สร้างสังคมไทย ไร้พุง”
เครือข่ายคนไทยไร้พุง ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย
สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ

Sunday, March 15, 2015

การยืนที่ถูกต้องจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการปวดหลัง

อุ้มลูก ตั้งครรภ์ ยกของหนัก อ้วนลงพุง ฯลฯ ทุกอย่างที่กล่าวมา มีลักษณะร่วมกันก็คือ มีน้ำหนักที่เราต้องแบกมากขึ้น ถ้าเรายกของได้สักพักเมื่อเราเริ่มเมื่อย และยังวางไม่ได้เราจะเริ่มหาท่าที่เบาแรงลง นั่นก็คือ การแอ่นพุงไปข้างหน้า และพักของลงบนตัวเรา ทำให้เราออกแรงที่แขนเบาลง กล้ามเนื้อช่วงตัว ท้อง หลังก็ทำงานน้อยลง ทำให้เราถือของได้นานขึ้น แต่การทำท่านี้กล้ามเนื้อทำงานเบาลงก็จริง แต่ข้อต่อต้องรับภาระมากขึ้น มีแรงกดที่กระดูกสันหลังมากขึ้น ถ้าเป็นการยกของนานๆครั้ง คงไม่เป็นไร แต่ถ้าเป็นการอุ้มลูกที่ทำทุกวัน หรือการตั้งครรภ์ที่ต้องแบกน้ำหนักไว้หลายเดือน และที่เลวร้ายที่สุดการลงพุงที่ยังไม่รู้ว่าจะอยู่กับเราไปอีกกี่ปี !!!

การยืนที่ถูกต้องจะช่วยป้องกัน และบรรเทาอาการปวดหลังได้ ส่วนวิธียืนที่ถูกต้องนั้นจะเป็นอย่างไรติดตามได้ตามรูภาพด้านล่างนี้เลยนะคะ


การป้องกันโรคปวดหลังดีที่สุดคือ การออกกำลังกายและป้องกันหลังมิให้ได้รับอุบัติเหตุ

1. บริหารร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอโดยเฉพาะกล้ามเนื้อหลัง เพราะเราไม่เคลื่อนไหวหรือออกกำลังกายจะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้อ่อนแรง การออกกำลังกายจะสร้างความแข็งแรงทั้งกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อหลัง จะต้องให้ข้อต่อมีการเคลื่อนไหวได้ดีไม่มีข้อติด การออกกำลังอาจจะทำได้โดยการว่ายน้ำ ฝึกพิลาทีส โยคะฟลายจะทำให้หลังแข็งแรง
2. รักษาน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์เหมาะสมไม่ให้อ้วนโดยการรับประทานอาหารที่มีคุณภาพ ออกกำลังกายแบบ Cardio เช่น การวิ่ง ขี่จักรยาน
3. การนั่งหรือยืนให้ถูกท่า เพราะการนั่งหรือการยืนที่ผิดท่าจะทำให้เกิดอาการปวดหลัง
การยืนควรจะยืนตัวตรงหลังไม่โก่งหรือคด แนวติ่งหู ไหล่และข้อสะโพกควรเป็นแนวเส้นตรง ไม่ควรยืนนานเกินไป ไม่ควรใส่รองเท้าที่มีส้นสูงจนเกินไป ควรจะมีเบาะรองฝ่าเท้า หากต้องยืนนานควรมีที่พักเพื่อสลับเท้าพัก
4. การนั่งจะเป็นการเพิ่มแรงกดต่อกระดูกหลังมากที่สุด ควรจะพิงพนักหลังบริเวณเอว เก้าอี้ควรจะเป็นแบบที่หมุนได้เพื่อป้องกันการบิดของเอว มีที่พักของแขน ขณะที่นั่งพักหัวเข่าควรอยู่สูงกว่าระดับข้อสะโพกเล็กน้อย ควรมีเบาะรองเท้า ควรจะมีหมอนเล็กๆรองบริเวณเอว ควรเลือกเก้าอี้ที่ถูกต้อง
5. การขับรถ โดยเฉพาะการขับรถทางไกล ควรเลื่อนเบาะนั่งให้ใกล้เพื่อป้องกันการงอหลัง หลังส่วนล่างควรจะพิงกับเบาะ เบาะไม่ควรเอียงเกิน 30 องศา เบาะนั่งควรจะยกด้านหน้าให้สูงกว่าด้านหลังเล็กน้อย หากขับรถทางไกลควรจะพักการเดินทุกชั่วโมง และไม่ควรยกของหนักทันทีหลังหยุดขับ
6. การนอน ที่นอนไม่ควรจะนุ่มหรือแข็งเกินไป ควรจะวางไม้หนา 1/4 นิ้วระหว่างสปริงและฟูก ท่าที่ดีคือให้นอนตะแคง และก่ายหมอนข้าง หรือนอนหงายโดยมีหมอนรองที่ข้อเข่า ไม่ควรนอนหงายโดยที่ไม่มีหมอนหนุน หรือนอนตะแคงโดยไม่มีหมอนข้าง หรือนอนคว่ำ

กันไว้ดีกว่าแก้ รู้แบบนี้แล้ว... ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ในการนำไปปฏิบัติ ในการใช้ชีวิตประจำวันกันให้ถูกต้องเพื่อป้องกันโรคกวนใจ อย่างโรคปวดหลังกันดีกว่านะคะ

ป้องกันและรักษาอาการโรคปวดหลังได้ที่ Click Here 

10 ประโยชน์ของมายองเนส Mayonnaise

มายองเนสนอกจากจะใส่แซนวิส ฮอตดอทแล้ว  ยังมีประโยชน์มากมายอีกที่เราเองอาจยังไม่รู้ ไปดูกันเลยดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
Mayo is a delicious addition to many dishes, but it can also tackle household problems that don't include two pieces of bread



1. บำรุงผิว สำหรับคนผิวแห้งลองมาร์คหน้าด้วยมายองเนสดูซัก 15 นาที จะช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างง่ายๆ และยังเพิ่มความนุ่มนวลให้ผิวหยาบกร้าน





2. บำรุงเล็บ บำรุงเล็บให้เงางาม และช่วยในเรื่องของหนังหลุดลอกบริเวณรอบๆ เล็บด้วย เอานิ้วจิ้มลงในชามมายองเนส ประมาณ 5 นาที ล้างออกด้วยน้ำเปล่า แค่นี้ก็เป็นการบำรุงเล็บให้มีสุขภาพดีแล้ว








3. รักษาเหา เป็นยากำจัดเหาธรรมชาติ ทั่วไปแล้วน้ำยาที่ใช้กำจัดเหาจะเป็นสารเคมีที่มีกลิ่นแรง และยังทำให้หนังศรีษะและผมของคุณเสีย










4. ครีมนวดผม นวดมายองเนสด้วย 2 ช้อนโต๊ะ  (หรือขึ้นอยู่กับความยาวเส้นผมของคุณ และความหนา) ลงบนเส้นผม ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที และล้างออก ผมของคุณจะรู้สึกนุ่ม และมีความเงา สวยงาม





5. หมากฝรั่งติดผม เอามายองเนสมาถูๆ เพียงเล็กน้อยรอบๆ ผม หมากฝรั่งจะค่อยๆ หลุดออกไป ไม่ต้องตัดผมทิ้ง







6. สีเทียนบนผนัง เมื่อเด็กเอาสีเทียนมาขีดเขียน ผนังห้อง แค่มีมายองเนสติดบ้านไว้ ทาทิ้งไว้ 5-10 นาที แล้วเอาผ้าสะอาดเช็ดออก










7. รักษาอาการผิวไหม้จากแดด ใครที่เจอแดดเผา มายองเนสช่วยได้ ตัวมายองเนสเย็นๆ ทาบางๆ ลงบนบริเวณผิวที่ไหม้จากแสงแดดเผา อาการปวดและแสบบริเวณนั้นก็จะดีขึ้น





8. แหวนติดนิ้ว เอามายองเนสไปถูๆ นิ้วที่แหวนติดอยู่ ไม่นานก็จะเลื่อนออกจากนิ้วได้










9. แกะสติ๊กเกอร์ราคาไม่ออก สติ๊กเกอร์ราคาแกะยังไงก็ไม่ออก ทำยังไงดี ลองเอามายองเนสมาทา ทิ้งไว้สักพัก แล้วเช็ดออก จะทำให้ออกอย่างง่ายดาย








10. ขจัดคราบน้ำมันเครื่อง แค่ทามายองเนสบริเวณที่เปื้อนน้ำมันเครื่องถูเบาๆ เอาผ้ามาเช็ดออก รับรองเครื่องใช้ หรือเบาะหนังของรถไม่เป็นคราบแน่นอน

ที่มา www.thisoldhouse.com www.care2.com

Friday, March 13, 2015

10 สิ่งที่ควรทำ (ไม่งั้นจะเสียใจ) ก่อนอายุ 30


หลังจากพ้นรั้วมหาวิทยาลับมาหมาดๆ ก้าวเข้าสู่วัยทำงานอย่างเต็มตัว หลายๆคนเริ่มมีเงินเก็บก้อนแรกที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงเราล้วนๆ บางคนให้พ่อแม่ บางคนได้ฤกษ์เก็บเงินซื้อของที่อยากได้ให้ตัวเอง หรือบางคนวางแผนไปไกลถึงขั้นซื้อรถ ซื้อบ้าน จัดงานแต่งงาน หรือเที่ยวต่างประเทศ ChicMinistry เลยขอแนะนำ 10 สิ่งที่คุณสาวๆต้องทำก่อนอายุ 30 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เงินพร้อม กายพร้อม ใจก็พร้อมที่สุดมาให้สาวๆลองเช็คทีละข้อกันเลยค่ะ จะได้รู้ว่าคุณน่ะ...ใช้ชีวิตคุ้มค่ามากขนาดไหน


10 สิ่งที่ควรทำ (ไม่งั้นจะเสียใจ) ก่อนอายุ 30


1. ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดีๆใส่สักตัวสองตัวตอนเป็นนักศึกษา อย่างดีก็ช้อปปิ้งได้แค่เจเจ ยูเนี่ยนมอล ประตูน้ำ หรือตลาดนัด แต่เราไม่ใช่นักเรียนอีกต่อไปแล้วนะคะ เราก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว การที่จะไปทำงาน หรือออกไปพบลูกค้า จะมัวใส่ชุดผ้าหยาบๆ คัตติ้งเบี้ยวๆอยู่อีกทำไม การลงทุนกับเสื้อผ้าดีๆสักชุดเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อยากให้เลือกสไตล์ที่เป็นทางการกึ่งๆลำลอง อาจจะเริ่มต้นที่เสื้อสูทหรือเบลเซอร์สีพื้นผ้ารีดง่ายๆตะเข็บสวยๆสักตัว เดรสเรียบๆผ้าไม่บางอีกสักตัว เท่านี้ก็ไปไหนไปกันแล้วล่ะ

2. ไล่ล่าตามหางานที่ตัวเองฝัน เด็กจบใหม่หลายคนกลัวไม่มีงาน แรกๆก็หว่านเรซูเม่ไปทั่ว ใครเรียกไปสัมภาษณ์ก็ไป ทำไปได้สักพักก็ออกเพราะมันไม่ใช่งานที่เราอยากทำ แล้วคิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ แต่เชื่อเถอะ ประสบการณ์ที่ได้มีประโยชน์แค่กรอกลงในเรซูเม่เท่านั้นแหละ จะดีกว่าไหมหากเราตั้งหน้าตั้งตาหางานที่อยากทำและอยากเรียนรู้ตั้งแต่แรกๆ นอกจากจะไม่ต้องเสียใจเสียเวลาตั้งแต่แรกแล้ว เรายังได้เรียนรู้ใจตัวเองด้วยว่างานที่เราฝันถึงมาตลอดชีวิตนี่เราชอบที่จะทำจริงๆหรือเปล่า ถ้าไม่ เราอาจจะพบสิ่งที่เราชอบขึ้นมาทีหลังก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ใจตัวเองนะคะว่าอยากทำงานอะไร แล้วรีบหางานนั้นให้เจอ

3. ลงทุนกับเตียงนุ่มๆ เตียงหรือที่นอนไม่ใช่สิ่งที่เราจะซื้อกันบ่อยๆ เราทำงานมาเหนื่อยๆ รับรองว่าสิ่งแรกที่เราคิดถึงคือเตียง ยิ่งถ้าได้ที่นอนนุ่มๆลองคิดดูสิว่ามันจะฟินขนาดไหน บอกลาที่นอนแข็งๆที่นอนมาตลอดชีวิตกันได้แล้วค่ะ เราทำงานหนักเพื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน ยิ่งใครบ่นว่าปวดคอปวดไหล่จากการอาการ office syndrome ยิ่งต้องมี แถมเรายังสามารถใช้ที่นอนนี้ไปได้อีกเป็น 10 ปีเลยนะ เห็นมั้ย...คุ้มจะตาย

4. ใจกล้าเอ่ยปากขอเลื่อนขั้น ใครที่ทำงานมาจนได้ประสบการณ์ประมาณหนึ่งแล้ว ถึงโอกาสปรับเงินเดือนหรือโบนัสเมื่อไร หากคุณคิดว่าคุณมีคุณบัติดีพอที่จะได้รับการปรบตำแหน่ง คุณต้องลองคุยกับหัวหน้าคุณดูนะคะ เพราะหากคุณทำงานที่เดิมมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่จะบ่งบอกว่าชีวิตของคุณกำลังไปได้สวย และมีอนาคตที่สดใสรออยู่ในบริษัทนี้ คุณอาจจะต้องบอกมือลาแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า เพราะนั่นอาจจะหมายถึงคุณไม่ชอบ ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานที่นั่น หรือหัวหน้าคุณอาจจะไม่ชอบใจอะไรบางอย่างในตัวคุณหรือเปล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเจ้านายของคุณแจกแจงข้อเสียที่ต้องการให้คุณปรับปรุงเป็นฉากๆ พร้อมเหตุผลที่ทำให้คุณโต้แย้งไม่ได้ว่าทำไมคุณถึงไม่ได้รับการกรับเลื่อนตำแหน่งล่ะก็ คุณก็ต้องเข้าใจนะว่าความผิดอยู่ที่คุณ และคุณต้องยินดีที่จะปรับปรุงตัวเองด้วย

5. กินให้เต็มที่! แน่นอนว่าคุณจะกินเหมือนตอนคุณเป็นวัยรุ่นได้อีกไม่กี่ปี หลัง 30 เป็นต้นไปคุณคงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น ทั้ง eat clean ทั้งชีวจิต ดีท็อกซ์ วิตามิน หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย อันที่จริงคุณสามารถเริ่มทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ตั้งแต่วัยรุ่นนะ แต่เรารู้ว่าอาหารบางอย่างวัยรุ่นอย่างเราก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ไหนจาร์ตี้กับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานอีกล่ะ เพราะฉะนั้นเราเลยขอประกาศว่าช่วงอายุนี้แหละที่จะเป็นโค้งสุดท้ายของการกินตามใจปาก หลังจากนี้ไปต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดีๆแล้วล่ะ


6. เที่ยวในที่ๆอยากไป ช่วงเวลาแห่งการเก็บเงินและมีร่างกายสมบูรณ์พร้อมท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงอายุนี้คุณพร้อมทั้งเงินและร่างกาย (หากคุณมีวินัยในการออมมากพอ) เพราะฉะนั้นลากกระเป๋า แบกเป้ จูงมือเพื่อนหรือแฟน หรือแม้กระทั่งพาพ่อแม่ท่องเที่ยวกันให้เต็มที่ ลองใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆที่ร่ำเรียนมาทั้งชีวิตกับคนในประเทศจริงๆดู แล้วอย่าลืมถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆด้วยล่ะ เพราะหลังอายุ 30 เป็นต้นไป ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าแต่งงาน ค่าประกันชีวิต ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูลูกหลาน และอื่นๆอีกมากมายกำลังรอคุณอยู่

7. เอาเพื่อนแย่ๆ คนรักแย่ๆออกไปจากชีวิตให้หมด ใครที่ไม่เคยจริงจังกับเรา คบเราเพื่อหวังผลประโยชน์ โกงเรา ทำร้ายจิตใจเรา ไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อน หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่คอยแต่จะชิงดีชิงเด่นกับเรา คบไปก็ทำให้เราอึดอัดไม่สบายใจ เอาออกไปจากชีวิตให้หมด ไม่ว่าจะชีวิตจริงหรือชีวิตในโลกโซเชียล ในวัยนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะๆอีกต่อไป เหลือไว้แค่เพื่อนดีๆ เพื่อนที่เราไว้ใจได้ในยามยาก ไม่ต้องคอยระแวงข้างหลังตลอดเวลาก็พอ แล้วคุณจะพบว่าเมื่อถึงคราวสำคัญๆของชีวิต คุณจะเหลือแต่เพื่อนดีๆที่ทำให้คุณพูดคุยได้อย่างสบายใจ รวมไปถึงแฟนแย่ๆด้วยนะ อีกไม่กี่ปีคุณก็จะถึงวัยแต่งงานสร้างครอบครับแล้ว จะมัวเสียเวลากับคนที่ไม่เคยรัก ไม่เคยเห็นค่าคุณอยู่ทำไม รีบมองหาคนใหม่ได้แล้วล่ะ หรือถ้าจะยังไม่เจอคนใหม่ ก็อย่ามัวแต่เสียเวลากับคนเก่าที่คอยแต่จะฉุดชีวิตคุณให้จมลงๆอีกเลย เดินออกมาสวยๆก่อนที่เขาจะทิ้งเราไปหาคนอื่นอย่างไม่ใยดีดีกว่า

8. มองหาลิปสติกสีนู้ดธรรมชาติ ที่เข้ากับเมคอัพบางๆของคุณได้ สมัยวัยรุ่นคุณคงชอบปากชมพู แดง ส้ม สีสันสดใสกันไป แต่เมื่อโตขึ้น คุณควรจะเริ่มมองหาลิปสติกสีนู้ดธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับเมคอัพแบบ no-makeup look เอาไว้อย่างน้อย 1 แท่ง เพราะคุณอาจมีโอกาสต้องพบผู้ใหญ่ ลูกค้าคนสำคัญ หรือแม้กระทั่งถ่ายรูปเพื่อจุดประสงค์ต่างๆที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ต วีซ่า สมัครงานต่างๆ สีปากแบบธรรมชาติยังไงก็เวิร์คสุด ลงทุนกับลิปสติกสีสุภาพเนื้อดีๆยังไงก็คุ้ม เชื่อเราเถอะ

9. จัดปาร์ตี้ชุดนอนกับแก๊งค์เพื่อนสาวอีกไม่กี่ปีเพื่อนๆในกลุ่มของคุณจะเริ่มแต่งงานมีครอบครัวกันไป ก่อนจะถึงเวลานั้นพวกคุณลองรวมกลุ่มจัดปาร์ตี้ชุดนอน นั่งกิน เล่น เม้าท์มอย ตามประสาผู้หญิงกันก่อนดีกว่า ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการพูดถึงอดีตสมัยเรียน นินทาแฟนตัวเอง ปรึกษาเรื่องชีวิตส่วนตัว คุยเรื่องไร้สาระ หรือแม้กระทั่งเล่นเกมบ้าๆบอๆที่คนอื่นนอกกลุ่มรับรองว่าต้องไม่เข้าใจ กอบโกยประสบการณ์นี้ไว้ นอกจากคุณจะรักเพื่อนๆมากขึ้น คุณยังได้ความทรงจำดีๆก่อนจะยอมรับตัวเองว่า “ฉันเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว” จนทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว

10. เดตกับผู้ชายน่ารักๆ ไม่ว่าคุณจะเจอเขาในผับ ร้านอาหาร ที่ทำงาน ในรถไฟใต้ดิน หรืออาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนก็ตาม ลุยเลย! ไม่ได้หมายความว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณหรอกนะ แต่เริ่มออกเดตหรือนัดบอดในช่วงอายุเท่านี้เราว่าเวิร์คสุด คุณกำลังเพอร์เฟ็ค มีครบทั้งการศึกษา งาน เงิน การแต่งหน้าแต่งตัว (ที่ได้รับการปรับปรุงจากสมัยวัยรุ่นมาแล้ว) และไหนจะวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่คุณควบคุมได้ดีกว่าตอนเด็กๆ ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่ไม่ว่าหนุ่มคนไหนก็มองหา เพราะฉะนั้นไม่ใช้โอกาสตอนนี้แล้วจะไปมีโอกาสอีกครั้งตอนไหนล่ะ จริงไหม?

ใครที่อ่านจบแล้วรู้ตัวว่ายังไม่ได้ทำข้อไหน รีบจดเอาไว้ใน To Do List แล้วเริ่มวางแผนลงมือทำกันเลยนะคะ เวลาไม่เคยคอยใครนะ เดี๋ยวโผล่หน้ามาอีกทีอายุขึ้นเลขสามแล้วจะเสียใจไม่รู้นะ 

Translated & Edited by : ChicMinistry.com
Source : wallpaperswide.com, flickr.com, cosmopolitan.co.uk