Thursday, January 30, 2014

วิตามินอี (E) ความสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม


วิตามิน อี (Vitamin E) หรือ Tocopherol เป็นวิตามินชนิดหนึ่งที่ร่างกายผลิตเองไม่ได้  จำเป็นจะต้องได้รับจากการรับประทาน  วิตามิน อี  มีอยู่ในอาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก  ช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อสู้กับความเจ็บป่วยได้  วิตามิน อี  มีลักษณะเป็นน้ำมันสีเหลืองและละลายได้ในนำมัน  เช่นเดียวกับ วิตามิน  เอ  ดี  และ เค

ประโยชน์ของ วิตามิน อี  ต่อร่างกายของคนเรา

วิตามิน อี  เป็นวิตามินที่มีความสำคัญต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก  สาทิศ  อินทรกำแหง  ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น กูรูชีวจิต ได้กล่าวเรื่องวิตามิน อี  ของบทความเรื่อง  วิตามิน – วิตามิน  ในนิตยสาร  ชีวจิต  ฉบับที่ 64  ปีที่ 32  1มิถุนายน  2544  หน้า  58 – 60  ปัจจุบันมีการโฆษณากันอย่างกว้างขวาง  ทั้งทางแผ่นพับต่าง ๆหนังสือพิมพ์  โทรทัศน์  และทางเวบไซท์ต่าง ๆ ซึ่งบางครั้งมีการโฆษณาถึงคุณประโยชน์ของวิตามิน อี  จนเกินเหตุ  เช่น สามารถทำให้คนเราดูเป็นหนุ่มสาวขึ้น  ทำให้มีการขายวิตามิน อี กันอย่างกว้างขวางและขายราคาแพงเกินกว่าประโยชน์จริง ๆ  เช่นกัน  ซึ่งเราควรจะต้องใช้ความคิดพิจารณาให้รอบคอบจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาเหล่านั้น

ความจริงที่เกี่ยวกับ  วิตามิน อี  คือ

1. โดยปกติแล้วร่างกายของคนเราไม่ค่อยจะขาด วิตามิน อี  เพราะอาหารต่าง ๆ ที่เรากินในแต่ละวันนั้น  โดยเฉพาะ โปรตีน  ไขมัน  พืชผัก  ผลไม้  มักจะมีวิตามิน อี  อยู่ในอาหารเหล่านั้นอยู่แล้ว  และวิตามิน อี ที่อยู่ในอาหารนั้น ๆ จะสะสมอยู่ในร่างกายของเราได้นาน ๆ

2. หน้าที่ที่สำคัญที่สุดของวิตามิน อี  คือ เป็นตัวแอนตีออกซิแดนท์ (Antioxidant)  ซึ่งแปลว่า  เป็นตัวทำให้เกิด ออกซิเดชัน (Oxidation)  หมายถึง การเผาผลาญโดยมีออกซิเจนเข้าทำปฏิกิริยา  การเผาผลาญในร่างกายโดยทั่ว ๆ ไปเป็นการเผาผลาญโดยธรรมชาติ  ก่อให้เกิดประโยชน์และการหมุนเวียนในร่างกายตามปกติ  แต่การเผาผลาญบางอย่าง  เช่น การที่มีสารพิษหรือท็อกซินในร่างกาย  การมีไขมันชนิดเลวสะสมมาก ๆ ในร่างกาย  การถูกรังสีเอกเรย์  การสูบบุหรี่ การดื่มเหล้า ฯลฯ ก่อให้เกิดอนุมูลอิสระ (Free radicals) ชนิดต่างๆ ตามมา

ผนังเซลล์ของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายของเรา  มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเป็นโครงสร้างที่สำคัญอยู่ด้วย ซึ่งโครงสร้างนี้จะถูกทำลายได้ง่ายด้วยกระบวนการ ออกซิเดชัน ส่งผลให้เกิด อนุมูลอิสระ   ต่าง ๆ ขึ้น ซึ่งเป็นสารที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อโครงสร้างภายในของเซลล์ ที่สัมผัสกับอนุมูลอิสระทำให้เกิดพิษและความเสียหายต่อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย  การที่เรามีสารยับยั้ง  การเผาผลาญที่เป็นโทษต่อร่างกายแบบนี้  จึงเป็นการยับยั้งพิษร้ายในร่างกาย  และเป็นการต่ออายุให้ยืนยาวด้วย สารยับยั้งเหล่านี้  จึงเรียกว่า แอนติออกซิแดนท์    มีวิตามินซึ่งเป็นตัวแอนติออกซิแดนท์  4  ตัว  คือ  วิตามิน  A  C  D  และ  E  วิตามิน  อี  จึงเป็นแอนติออกซิแดนท์  ที่สำคัญตัวหนึ่ง  และโดยเหตุที่ช่วยการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายหลายระบบ  วิตามิน อี  จึงเป็นวิตามินตัวสำคัญที่สุดที่ร่างกายขาดไม่ได้

3. วิตามิน อี  เป็นตัวช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด  เป็นตัวช่วยสร้างกล้ามเนื้อ  แต่วิตามิน อี  ไม่ใช่เป็นยาบำรุงเลือด  โดยเฉพาะเมื่อเกิดการผิดปกติในกระบวนการ  Hemolysis  คือการที่เม็ดเลือดแดงมีอายุสั้นลงกว่าเดิม ซึ่งปกติเม็ดเลือดแดงมีอายุประมาณ 120 วัน ก็จะต้องถูกขับออกจากร่างกาย  กระบวนการที่สร้างเม็ดเลือดแดงใหม่  และเม็ดเลือดแดงเจริญเติบโต  และทำงานจนหมดอายุขัย กระบวนการเหล่านี้เรียกว่า  Hemolysis  แต่ในบางครั้งสำหรับบางคน  เกิดการผิดผลาดในกระบวนการ Hemolysis  เม็ดเลือดแดงยังไม่หมดอายุก็ถูกทำลายลงก่อน  ทำให้ร่างกายมีเม็ดเลือดแดงน้อยลง ทำให้เกิดโรคโลหิตจางร้ายแรงถึงแก่ชีวิตได้ซึ่ง วิตามิน อี  ก็จะช่วยไขกระดูกในการสร้างเลือด  แต่ วิตามิน อี ไม่ใช่เป็นยาบำรุงเลือด

 4. วิตามิน อี  ยังเป็นตัวช่วยระบบกล้ามเนื้อและการทำงานของตับ  เวลาเราเคลื่อนไหว  ทำงานต่าง ๆ ต้องออกแรง  กล้ามเนื้อต้องใช้เลือดมากมายเพื่อเป็นพลังงานสำหรับกล้ามเนื้อ  ก็เท่ากับว่าวิตามิน อี  เป็นตัวสร้างเลือดสำหรับกล้ามเนื้อด้วย

5. วิตามิน อี  มีส่วนช่วยบำรุงตับ  ตับต้องทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดมากมาย  วิตามิน อี จึงเป็นตัวสำคัญ ในการทำหน้าที่เกี่ยวกับเลือดของตับด้วย

6. วิตามินมีส่วนช่วยการกายหายใจ  โดยเฉพาะช่วยปอด  ปอดเป็นตัวช่วยปล่อยแก๊สคาร์บอนไดออกจากเลือดและ รับแก๊สออกซิเจนจากการหายใจเข้าสู่เลือดทำให้เลือดแดง  ก็เท่ากับวิตามิน อี  เป็นตัวสำคัญในการฟอกเลือดของปอดด้วย

 เนื่องจาก วิตามิน อี  มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง และที่สำคัญเป็นแอนติออกซิแดนท์  ซึ่งทำให้เซลล์ต่าง ๆ รอดพ้นจากท็อกซิน  จึงมีผู้ที่นิยมพูดกันว่า  วิตามิน อี  ช่วยชะลอความแก่ได้  ซึ่งที่จริงแล้ว  วิตามิน อี  มีประโยชน์ต่อผิวหนัง  โดยเหตุที่วิตามิน อี สามารถละลายได้ในน้ำมัน  จึงเพียงแต่ทำให้ผิวหนังดูสดใสสดชื่น  จึงทำให้เข้าใจไปว่า วิตามิน อี  เป็นยาที่รักษาความเป็นหนุ่มเป็นสาวได้

แหล่งอาหารที่มี วิตามิน อี

สาทิศ  อินทรกำหง  กล่าวว่า  ที่จริงแล้ววิตามิน อี มีอยู่ในอาหาร ที่เรารู้จักกันดี  อาหารที่มีวิตามิน อี เช่น  น้ำมันพืช  จมูกข้าว  ปลา  ข้าวที่ไม่ขัดขาว  ถั่ว  ผักโขม  บร็อคโคลี  คะน้า  น้ำมันพืช  ไข่  ถั่วเหลือง ตัวที่ทำลายวิตามิน อี    ตัวที่สามารถทำลาย วิตามิน อี  ได้ คือ   ความร้อน ออกซิเจน  อากาศที่เย็นแข็ง  สารรักษาอาหาร   ธาตุเหล็ก  คลอรีน  ฯลฯ

ที่มา: edtech.ipst.ac.th

No comments:

Post a Comment