10 สิ่งที่ควรทำ (ไม่งั้นจะเสียใจ) ก่อนอายุ 30
1. ซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ดีๆใส่สักตัวสองตัวตอนเป็นนักศึกษา อย่างดีก็ช้อปปิ้งได้แค่เจเจ ยูเนี่ยนมอล ประตูน้ำ หรือตลาดนัด แต่เราไม่ใช่นักเรียนอีกต่อไปแล้วนะคะ เราก้าวเข้าสู่วัยทำงานแล้ว การที่จะไปทำงาน หรือออกไปพบลูกค้า จะมัวใส่ชุดผ้าหยาบๆ คัตติ้งเบี้ยวๆอยู่อีกทำไม การลงทุนกับเสื้อผ้าดีๆสักชุดเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่อยากให้เลือกสไตล์ที่เป็นทางการกึ่งๆลำลอง อาจจะเริ่มต้นที่เสื้อสูทหรือเบลเซอร์สีพื้นผ้ารีดง่ายๆตะเข็บสวยๆสักตัว เดรสเรียบๆผ้าไม่บางอีกสักตัว เท่านี้ก็ไปไหนไปกันแล้วล่ะ
2. ไล่ล่าตามหางานที่ตัวเองฝัน เด็กจบใหม่หลายคนกลัวไม่มีงาน แรกๆก็หว่านเรซูเม่ไปทั่ว ใครเรียกไปสัมภาษณ์ก็ไป ทำไปได้สักพักก็ออกเพราะมันไม่ใช่งานที่เราอยากทำ แล้วคิดว่าอย่างน้อยเราก็ได้ประสบการณ์ แต่เชื่อเถอะ ประสบการณ์ที่ได้มีประโยชน์แค่กรอกลงในเรซูเม่เท่านั้นแหละ จะดีกว่าไหมหากเราตั้งหน้าตั้งตาหางานที่อยากทำและอยากเรียนรู้ตั้งแต่แรกๆ นอกจากจะไม่ต้องเสียใจเสียเวลาตั้งแต่แรกแล้ว เรายังได้เรียนรู้ใจตัวเองด้วยว่างานที่เราฝันถึงมาตลอดชีวิตนี่เราชอบที่จะทำจริงๆหรือเปล่า ถ้าไม่ เราอาจจะพบสิ่งที่เราชอบขึ้นมาทีหลังก็ได้ สิ่งสำคัญคือต้องรู้ใจตัวเองนะคะว่าอยากทำงานอะไร แล้วรีบหางานนั้นให้เจอ
3. ลงทุนกับเตียงนุ่มๆ เตียงหรือที่นอนไม่ใช่สิ่งที่เราจะซื้อกันบ่อยๆ เราทำงานมาเหนื่อยๆ รับรองว่าสิ่งแรกที่เราคิดถึงคือเตียง ยิ่งถ้าได้ที่นอนนุ่มๆลองคิดดูสิว่ามันจะฟินขนาดไหน บอกลาที่นอนแข็งๆที่นอนมาตลอดชีวิตกันได้แล้วค่ะ เราทำงานหนักเพื่อได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่เช่นเดียวกัน ยิ่งใครบ่นว่าปวดคอปวดไหล่จากการอาการ office syndrome ยิ่งต้องมี แถมเรายังสามารถใช้ที่นอนนี้ไปได้อีกเป็น 10 ปีเลยนะ เห็นมั้ย...คุ้มจะตาย
4. ใจกล้าเอ่ยปากขอเลื่อนขั้น ใครที่ทำงานมาจนได้ประสบการณ์ประมาณหนึ่งแล้ว ถึงโอกาสปรับเงินเดือนหรือโบนัสเมื่อไร หากคุณคิดว่าคุณมีคุณบัติดีพอที่จะได้รับการปรบตำแหน่ง คุณต้องลองคุยกับหัวหน้าคุณดูนะคะ เพราะหากคุณทำงานที่เดิมมาหลายปีแล้ว แต่ยังไม่มีสัญญาณใดๆที่จะบ่งบอกว่าชีวิตของคุณกำลังไปได้สวย และมีอนาคตที่สดใสรออยู่ในบริษัทนี้ คุณอาจจะต้องบอกมือลาแล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ดีกว่า เพราะนั่นอาจจะหมายถึงคุณไม่ชอบ ไม่มีแรงจูงใจในการทำงานที่นั่น หรือหัวหน้าคุณอาจจะไม่ชอบใจอะไรบางอย่างในตัวคุณหรือเปล่า แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากเจ้านายของคุณแจกแจงข้อเสียที่ต้องการให้คุณปรับปรุงเป็นฉากๆ พร้อมเหตุผลที่ทำให้คุณโต้แย้งไม่ได้ว่าทำไมคุณถึงไม่ได้รับการกรับเลื่อนตำแหน่งล่ะก็ คุณก็ต้องเข้าใจนะว่าความผิดอยู่ที่คุณ และคุณต้องยินดีที่จะปรับปรุงตัวเองด้วย
5. กินให้เต็มที่! แน่นอนว่าคุณจะกินเหมือนตอนคุณเป็นวัยรุ่นได้อีกไม่กี่ปี หลัง 30 เป็นต้นไปคุณคงต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินให้มากขึ้น ทั้ง eat clean ทั้งชีวจิต ดีท็อกซ์ วิตามิน หรืออะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย อันที่จริงคุณสามารถเริ่มทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพได้ตั้งแต่วัยรุ่นนะ แต่เรารู้ว่าอาหารบางอย่างวัยรุ่นอย่างเราก็ห้ามใจตัวเองไม่ได้ ไหนจาร์ตี้กับเพื่อนๆพี่ๆที่ทำงานอีกล่ะ เพราะฉะนั้นเราเลยขอประกาศว่าช่วงอายุนี้แหละที่จะเป็นโค้งสุดท้ายของการกินตามใจปาก หลังจากนี้ไปต้องดูแลเรื่องอาหารการกินให้ดีๆแล้วล่ะ
6. เที่ยวในที่ๆอยากไป ช่วงเวลาแห่งการเก็บเงินและมีร่างกายสมบูรณ์พร้อมท่องเที่ยวเริ่มต้นขึ้นแล้ว ช่วงอายุนี้คุณพร้อมทั้งเงินและร่างกาย (หากคุณมีวินัยในการออมมากพอ) เพราะฉะนั้นลากกระเป๋า แบกเป้ จูงมือเพื่อนหรือแฟน หรือแม้กระทั่งพาพ่อแม่ท่องเที่ยวกันให้เต็มที่ ลองใช้ภาษาอังกฤษหรือภาษาอื่นๆที่ร่ำเรียนมาทั้งชีวิตกับคนในประเทศจริงๆดู แล้วอย่าลืมถ่ายรูปเก็บไว้เยอะๆด้วยล่ะ เพราะหลังอายุ 30 เป็นต้นไป ค่าบ้าน ค่ารถ ค่าแต่งงาน ค่าประกันชีวิต ค่าเลี้ยงดูพ่อแม่ เลี้ยงดูลูกหลาน และอื่นๆอีกมากมายกำลังรอคุณอยู่
7. เอาเพื่อนแย่ๆ คนรักแย่ๆออกไปจากชีวิตให้หมด ใครที่ไม่เคยจริงจังกับเรา คบเราเพื่อหวังผลประโยชน์ โกงเรา ทำร้ายจิตใจเรา ไม่เคยเห็นเราเป็นเพื่อน หรือแม้กระทั่งเพื่อนที่คอยแต่จะชิงดีชิงเด่นกับเรา คบไปก็ทำให้เราอึดอัดไม่สบายใจ เอาออกไปจากชีวิตให้หมด ไม่ว่าจะชีวิตจริงหรือชีวิตในโลกโซเชียล ในวัยนี้คุณไม่จำเป็นต้องมีเพื่อนเยอะๆอีกต่อไป เหลือไว้แค่เพื่อนดีๆ เพื่อนที่เราไว้ใจได้ในยามยาก ไม่ต้องคอยระแวงข้างหลังตลอดเวลาก็พอ แล้วคุณจะพบว่าเมื่อถึงคราวสำคัญๆของชีวิต คุณจะเหลือแต่เพื่อนดีๆที่ทำให้คุณพูดคุยได้อย่างสบายใจ รวมไปถึงแฟนแย่ๆด้วยนะ อีกไม่กี่ปีคุณก็จะถึงวัยแต่งงานสร้างครอบครับแล้ว จะมัวเสียเวลากับคนที่ไม่เคยรัก ไม่เคยเห็นค่าคุณอยู่ทำไม รีบมองหาคนใหม่ได้แล้วล่ะ หรือถ้าจะยังไม่เจอคนใหม่ ก็อย่ามัวแต่เสียเวลากับคนเก่าที่คอยแต่จะฉุดชีวิตคุณให้จมลงๆอีกเลย เดินออกมาสวยๆก่อนที่เขาจะทิ้งเราไปหาคนอื่นอย่างไม่ใยดีดีกว่า
8. มองหาลิปสติกสีนู้ดธรรมชาติ ที่เข้ากับเมคอัพบางๆของคุณได้ สมัยวัยรุ่นคุณคงชอบปากชมพู แดง ส้ม สีสันสดใสกันไป แต่เมื่อโตขึ้น คุณควรจะเริ่มมองหาลิปสติกสีนู้ดธรรมชาติที่เข้ากันได้ดีกับเมคอัพแบบ no-makeup look เอาไว้อย่างน้อย 1 แท่ง เพราะคุณอาจมีโอกาสต้องพบผู้ใหญ่ ลูกค้าคนสำคัญ หรือแม้กระทั่งถ่ายรูปเพื่อจุดประสงค์ต่างๆที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น บัตรประชาชน ใบขับขี่ พาสปอร์ต วีซ่า สมัครงานต่างๆ สีปากแบบธรรมชาติยังไงก็เวิร์คสุด ลงทุนกับลิปสติกสีสุภาพเนื้อดีๆยังไงก็คุ้ม เชื่อเราเถอะ
9. จัดปาร์ตี้ชุดนอนกับแก๊งค์เพื่อนสาวอีกไม่กี่ปีเพื่อนๆในกลุ่มของคุณจะเริ่มแต่งงานมีครอบครัวกันไป ก่อนจะถึงเวลานั้นพวกคุณลองรวมกลุ่มจัดปาร์ตี้ชุดนอน นั่งกิน เล่น เม้าท์มอย ตามประสาผู้หญิงกันก่อนดีกว่า ไม่มีอะไรสนุกไปกว่าการพูดถึงอดีตสมัยเรียน นินทาแฟนตัวเอง ปรึกษาเรื่องชีวิตส่วนตัว คุยเรื่องไร้สาระ หรือแม้กระทั่งเล่นเกมบ้าๆบอๆที่คนอื่นนอกกลุ่มรับรองว่าต้องไม่เข้าใจ กอบโกยประสบการณ์นี้ไว้ นอกจากคุณจะรักเพื่อนๆมากขึ้น คุณยังได้ความทรงจำดีๆก่อนจะยอมรับตัวเองว่า “ฉันเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว” จนทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว
10. เดตกับผู้ชายน่ารักๆ ไม่ว่าคุณจะเจอเขาในผับ ร้านอาหาร ที่ทำงาน ในรถไฟใต้ดิน หรืออาจจะเป็นเพื่อนของเพื่อนของเพื่อนก็ตาม ลุยเลย! ไม่ได้หมายความว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของคุณหรอกนะ แต่เริ่มออกเดตหรือนัดบอดในช่วงอายุเท่านี้เราว่าเวิร์คสุด คุณกำลังเพอร์เฟ็ค มีครบทั้งการศึกษา งาน เงิน การแต่งหน้าแต่งตัว (ที่ได้รับการปรับปรุงจากสมัยวัยรุ่นมาแล้ว) และไหนจะวุฒิภาวะทางอารมณ์ที่คุณควบคุมได้ดีกว่าตอนเด็กๆ ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติที่ไม่ว่าหนุ่มคนไหนก็มองหา เพราะฉะนั้นไม่ใช้โอกาสตอนนี้แล้วจะไปมีโอกาสอีกครั้งตอนไหนล่ะ จริงไหม?
ใครที่อ่านจบแล้วรู้ตัวว่ายังไม่ได้ทำข้อไหน รีบจดเอาไว้ใน To Do List แล้วเริ่มวางแผนลงมือทำกันเลยนะคะ เวลาไม่เคยคอยใครนะ เดี๋ยวโผล่หน้ามาอีกทีอายุขึ้นเลขสามแล้วจะเสียใจไม่รู้นะ
Translated & Edited by : ChicMinistry.com
Source : wallpaperswide.com, flickr.com, cosmopolitan.co.uk
No comments:
Post a Comment