Friday, August 22, 2014

วิจัยยัน พิลาทิส p i l a t e s ลดไขมันหน้าท้องได้ดีกว่า แอโรบิคด้วยการเดิน


สาวๆ หลายคนอาจคนข้องใจสงสัยว่า พิลาทิสนั้นสามารถช่วยเรื่องกระชับหน้าท้องได้จริงหรือไม่ วันนี้เรามีบทความวิจัยดีๆ มาฝากกันคะ

งานวิจัยเรื่อง ผลของการออกกําลังกายแบบพิลาทิส และแบบแอโรบิค ที่มีต่อไขมันช่องท้องในผู้หญิงอ้วน Effects of Pilates and Aerobic Exercises on Abdominal Visceral Fat in Obese Women ซึ่งจัดทำเพื่อศึกษาและเปรียบเทียบผลของการออกกําลังกายแบบพิลาทิสและแบบแอโรบิคที่มีต่อระดับไขมันช่องท้องในผู้หญิงอ้วน

การวิจัยนี้กลุ่มตัวอย่างเป็นบุคลากร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน เพศหญิง ที่มีไขมันช่องท้องเกิน 100 ตารางเซนติเมตร อายุระหว่าง 45 – 50 ปี จํานวน 24 คน ที่ได้มาจากการสุ่มอย่างง่าย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 12 คน

กลุ่มทดลองที่ 1 ทําการออกกําลังกายแบบพิลาทิส ส่วน กลุ่มทดลองที่ 2 ทําการออกกําลังกายแบบแอโรบิคด้วยการเดิน ออกกําลังกาย 3 วันต่อสัปดาห์ เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์ โดยทําการทดสอบองค์ประกอบของร่างกาย ได้แก่ ไขมันช่องท้อง ไขมันในร่างกาย และมวลกล้ามเนื้อ ก่อนออกกําลังกาย ภายหลังการออกกําลังกายสัปดาห์ที่ 4 และภายหลังการออกกําลังกายสัปดาห์ที่ 8 จากนั้นทําการวิเคราะห์ทางสถิติ โดยการหาค่าเฉลี่ย ค่าความคลาดเคลื่อนมาตรฐาน ทําการวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างค่าเฉลี่ยระหว่างกลุ่ม

ผลการวิจัยพบว่า การออกกําลังกายแบบพิลาทิส มีแนวโน้มเกิดการเปลี่ยนแปลงลดลงของไขมันช่องท้องมากกว่า การออกกําลังกายแบบแอโรบิคด้วยการเดิน อีกทั้งยังส่งผลทําให้ไขมันในร่างกายลดลง และมวลกล้ามเนื้อลําตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในผู้หญิงอ้วนที่มีการสะสมของไขมันช่องท้องและไขมันในร่างกายสูงควรเลือกรูปแบบการออกกําลังกายที่ตอบสนองต่อการลดไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกาย เพื่อเป็นการป้องกัน และลดปัญหาสุขภาพที่จะเกิดขึ้นในอนาคต




มองหา คอร์สพิลาทิส (Pilates) คุณภาพในราคาสุดคุ้ม อย่าลืมนึกถึง Sanooklife นะคะ รับประกันราคาถูกที่สุดในกรุงเทพ

พิลาทิส Reformer 10 Classes ลดเหลือ 5,490 เหลือ ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.sanooklife.com/products/pilates-reformer-intensive
หรือโทรสอบถาม 081-6600864

ที่มา researchconference.kps.ku.ac.th

Thursday, August 14, 2014

เจาะลึกทุกแง่มุมของ "พิลาทิส" (Pilates)


พิลาทิส (Pilates) ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่หนุ่มสาวยุคใหม่ทั้งในและต่างประเทศ เป็นการออกกำลังกายที่รวมการทำสมาธิ และออกกำลังกายไว้ด้วยกัน เรียกว่าได้ทั้งสมดุลที่ดีของสุขภาพกายและใจค่ะ

พิลาทิส นั้นมีจุดเริ่มต้นเรียกว่า Contrology หรือ การควบคุม และการพัฒนาของพิลาทิสนี้ก็ปรับเปลี่ยนมาเพื่อมุ่งเน้นการใช้จิตใจควบคุมกล้ามเนื้อ ปัจจุบันนี้คุณไม่ได้ยินคำว่า Contrology แล้ว คนส่วนใหญ่เรียกแค่ พิลาทิส

Joseph Pilates โจเซฟ พิลาทิส เป็นผู้คิดค้นพิลาทิสขึ้นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เพื่อช่วยทหารที่กลับจากสงครามสามารถฟื้นฟูร่างกายตัวเองได้อย่างดี โดยโจเซฟ พิลาทิสได้ใช้เวลากว่า 18 ปีเพื่อพัฒนาวิชานี้ พิลาทิสคล้ายโยคะในแง่การหายใจ เคลื่อนไหว และการจัดสมดุล การควบคุมสมาธิ และความแม่นยำ

พิลาทิสมีการกำหนดลมหายใจที่พิเศษและแตกต่างจากโยคะ ถึงแม้พิลาทิสไม่ใช่กีฬาแบบแอโรบิก แต่ก็สามารถจะเป็นแอโรบิกได้ เพราะสามารถทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับท่าที่ทำ

พิลาทิสได้รับการพัฒนาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของร่างกาย และเน้นไปที่ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลางลำตัว หลัง อก และ หน้าท้อง



พิลาทิสนั้นให้ประโยชน์หลายอย่าง มาดูกันคะ ว่ามีอะไรบ้าง

1. ปรับความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายและจิตใจในการเคลื่อนไหว
2. สร้างความแข็งแรง และเพิ่มความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย ทำให้มีบุคลิกที่ดีและมีการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติอย่างสวยงาม
3. เน้นเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อลำตัว โดยจะทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแบนราบสวยงามและกล้ามเนื้อลำตัวที่แข็งแรงจะทำให้ความเสี่ยงต่อโรคปวดหลังลดน้อยลง
4. กระตุ้นการเรียนรู้การเคลื่อนไหว และท่าทางที่ถูกต้องในชีวิตประจำวัน และหลีกเลี่ยงการใช้กล้ามเนื้อที่ไม่จำเป็น
5. มีความปลอดภัยสูง เนื่องจากมีการเคลื่อนไหวที่เป็นไปตามธรรมชาติและมีการกระแทกของข้อต่อน้อย
6. ฟื้นฟูร่างกายหลังความเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ
7. ช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย โดยพัฒนาการหมุนเวียนโลหิตของร่างกาย และทำให้เซลล์ที่อยู่ทั่วร่างกายตื่นตัวและช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย

ผู้ที่เหมาะสำหรับการออกกำลังกายแบบพิลาทีส

1. ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพทุกเพศทุกวัย
2. ผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความตึงตัวของกล้ามเนื้อกระชับสัดส่วนและหน้าท้อง
4. ผู้ที่มีปัญหาปวดหลัง จากกล้ามเนื้อลำตัวที่อ่อนแอและทำงานไม่สมดุลย์
5. นักกีฬาที่ต้องการออกกำลังกายเฉพาะ ให้เหมาะสมกับกีฬาที่เล่นอยู่
6. นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บที่ต้องการการฟื้นฟูอย่างมีประสิทธิภาพ
7. ผู้ป่วยที่ต้องการการรักษาฟื้นฟูด้านการเคลื่อนไหว
8. ผู้ที่มีสุขภาพอ่อนแอที่ต้องการการออกกำลังกายที่ไม่หนักเกินไป

มองหา คอร์สพิลาทิส (Pilates) คุณภาพในราคาสุดคุ้ม อย่าลืมนึกถึง Sanooklife นะคะ รับประกันราคาถูกที่สุดในกรุงเทพ

พิลาทิส Reformer 10 Classes ลดเหลือ 5,490 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.sanooklife.com/products/pilates-reformer-intensive

หรือสนใจโทรสอบถาม 081-6600864


P30 การออกกำลังกายแนวใหม่ ที่จะทำให้คุณสวยกว่าที่เคยเป็น


หลายๆ คนคงคุ้นหูกับ T25 การออกกำลังกายน้องใหม่ มาแรงกันบ้างแล้วนะคะ ซึ่งช่วยรีดไขมัน และทำให้ร่างกายเฟิร์มในเวลาอันรวดเร็ว วันนี้เรานำรูปแบบการออกกำลังกายอีกอย่างมาแนะนำคะ ได้ผลดีไม่แพ้  T25 เลยละคะ สำหรับสาวๆ ที่อยากมีขาเรียวเล็ก หน้าท้องแบนราบ อย่าพลาด รีบมาอ่านกันคะ 

P30 ย่อมาจาก Pilates Mat 30 นาที เน้นการออกกำลังกายกล้ามเนื้อช่วงตัว หน้าท้อง แผ่นหลัง ช่วยสลายไขมันเฉพาะจุด ยกกระชับกล้ามเนื้อให้แข็งแรง

ปัจจุบันพิลาทีสเป็นที่นิยมมากในหมู่ดาราและผู้รักสุขภาพ เพราะนอกจากจะช่วยให้ผู้ฝึกมีรูปร่างเพรียว ได้สัดส่วน และช่วยกระชับหุ่นให้ฟิตแอนด์เฟิร์มแล้ว ยังช่วยยืดกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่นในเวลาเดียวกัน 

หลายคนอาจคิดว่า พิลาทิสเป็นการออกกำลังกายช้าๆ ที่น่าเบื่อ แต่จริงๆ แล้ว พิลาทีสเป็นการสร้างนิสัยการออกกำลังกายที่ให้ร่างกายทุกส่วนได้ออกกำลังอย่างสมบูรณ์ รวดเร็ว และใช้เวลาไม่นานค่ะ

ตอนนี้ที่กรุงเทพมีเปิดสอนแล้วนะคะ สำหรับสาวๆ ที่สนใจสามารถเรียนได้ที่ Pilates at chid lom อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.sanooklife.com/collections/pilates-at-chid-lom-bts รีบๆ เลยคะ ช่วงนี้มีโปรโมชั่น ลดกระหน่ำคะ 

Wednesday, August 6, 2014

สร้างสุขภาพที่ดีด้วยการทาน "อาหารคลีน" (Clean food)


ช่วงนี้กระแส "อาหารคลีน" (Clean food) มาแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ของคนที่กำลังลดน้ำหนัก วันนี้เรามาทำความรู้จักกันดีกว่าคะว่าอาหารคลีนคืออะไร และดีต่อสุขภาพอย่างไร

อาหารคลีน (Clean Food) คือ อาหารที่ไม่ผ่านการปรุงแต่งด้วยสารเคมีต่าง ๆ หรือผ่านการแปรรูปน้อยที่สุดนั่นเอง อาหารเหล่านี้จะเป็นอาหารที่สดสะอาดไม่ผ่านกระบวนการหมักดองหรือปรุงรสใดๆ มากจนเกินไป เช่น เค็มจัดหรือหวานจัด เป็นต้น

อย่างอาหารประเภทอาหารสำเร็จรูปที่แช่ตู้เย็นนั่นคือตรงข้ามเลย เพราะอาหารเหล่านี้มักใส่สารกันเสียเข้าไปด้วยเพื่อให้สามารถเก็บได้นานขึ้น หรือขนมขบเคี้ยวที่ก็จะมีแต่แป้งและผงชูรส และยังเต็มไปด้วยโซเดียมกับน้ำมัน น้ำอัดลมหลากสีหลากกลิ่นทั้งหลาย รวมทั้งอาหารขยะอย่างเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย ไก่ชุบแป้งทอดก็ด้วย

การปรุงอาหารแบบคลีนไม่ใช่การเน้นทานผักเยอะ ๆ แต่เป็นการทานอาหารทุกหมู่อย่างในสัดส่วนที่เหมาะสม คือต้องมีทั้งคาร์โบไฮเดรตและโปรตีนในปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เนื้อสัตว์ที่ใช้ควรเลือกแบบที่ไม่ใช่สำเร็จรูปหรือผ่านการปรุงรสมาแล้ว

จะเห็นได้ว่า อาหารคลีนเป็นอาหารที่ผ่านขั้นตอนการปรุงแต่งมาน้อย หรือไม่ผ่านการปรุงแต่งเลย เน้นธรรมชาติของอาหารนั้นเป็นหลัก และอาหารคลีนยังมีสรรพคุณที่ดีสำหรับคนที่อ้วน คนที่มีน้ำหนักและไขมันมาก เพราะอาหารคลีนส่วนใหญ่จะผลิตมาจากธรรมชาติ ไม่ผ่านการปรุงแต่งสังเคราะห์ หรือหากจะมีการปรุงแต่งก็มีการปรุงแต่งที่น้อยถึงน้อยที่สุด ซึ่งจะมีผลดีต่อคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ลดไขมัน และคนที่ใส่ใจกับสุขภาพของตนเอง

สำหรับท่านที่เริ่มต้นการกินอาหารคลีน ต้องเริ่มต้นด้วยการไม่ยึดติดในรสชาติของอาหารแบบเดิม ๆ ที่เราเคยรับประทาน เพราะการกินคลีน หรือกินอาหารคลีนนั้นรสชาติจะเป็นรอง แต่จะให้ความสำคัญกับตัวอาหารที่ไม่เน้นการปรุงแต่ง หรือปรุงแต่งให้น้อยที่สุด เพื่อให้การกินอาหารคลีนได้รับประโยชน์สูงสุดแก่ร่างกาย และผลพลอยได้ทำให้สุขภาพดีในระยะยาว ไม่เจ็บป่วยง่าย

มาดูกันดีกว่าว่าหากอยากรับประทานอาหารแบบคลีนๆ ควรมีอะไรติดครัวหรือติดตู้เย็นของคุณกันบ้าง
     
     
       สิ่งที่ควรมีติดครัว
     
        ผักและผลไม้สด
     
        แป้งที่ไม่ผ่านการขัดสี อาทิ ขนมปังโฮลวีต, ข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ,
     
        โปรตีนที่ดี เช่น อกไก่ไม่ติดหนัง, เนื้อปลา,ไข่ขาว, เต้าหู้ ฯลฯ
     
        น้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ อาทิ น้ำมันมะกอก,น้ำมันมะพร้าว,นำมันอะโวคาโด,น้ำมันดอกทานตะวัน,น้ำมันเมล็ดฟักทอง ฯลฯ
     
        อาหารที่สดใหม่
     

       สิ่งที่ไม่ควรมีติดครัว
     
        ผลิตภัณฑ์ขัดสี อาทิ ขนมปังสีขาว,ข้าวขาว,น้ำตาลทรายขาว
     
        อาหารสำเร็จรูป อาหารกระป๋อง อาหารแช่แข็ง
     
        ผลิตภัณฑ์หรือาหารที่ใส่สารกันบูด
     
        อาหารฟาสต์ฟู้ด จั๊งค์ฟู้ด
     
        เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์


ดังนั้น จึงจะเห็นได้ว่าอาหารคลีนนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ ของคนรักสุขภาพ ที่ต้องการสรรหาแต่สิ่งดี ๆ ให้กับตนเอง เพราะอาหารคลีนเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของเรานั่นเอง


เจาะลึกกับ T25 การออกกำลังกายแบบใหม่ มาแรง



T25 คืออะไร ทำไม T25 ถึงได้ฮอตฮิตในหมู่คนรักสุขภาพ รวมทั้งในหมู่ดาราชื่อดัง มาเจาะลึกการออกกำลังกายแบบ T25 คืออะไรกันค่ะ

          ใครที่กำลังสนใจอยากลดน้ำหนักหรือฟิตเฟิร์มสุขภาพให้แข็งแรง เชปบ๊ะและมีกล้ามเนื้อพอให้ดูเป็นสาวเฮลธ์ตี้ อาจจะเคยได้เห็นผ่านตามาบ้างว่า ตอนนี้การออกกำลังแบบ T25 นั้นฮอตฮิตขนาดไหน และด้วยรีวิวของคนที่ได้ลองออกกำลังแบบ T25 ซึ่งเห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจจนเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในเวลาไม่กี่เดือน ก็ยิ่งกระตุ้นต่อมอยากรู้อยากลองการออกกำลัง T25 ได้ไม่น้อยเลยเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเรามาทำความรู้จักกับการออกกำลังแบบ T25 กันเลยดีกว่า

          การออกกำลังแบบ T25 คืออะไร ?

          การออกกำลังกายแบบ T25 มีชื่อเต็ม ๆ ว่า Focus T25 คิดค้นโดย Shaun T เทรนเนอร์มากประสบการณ์ผู้เป็นเจ้าของโปรแกรมออกกำลังกายแบบอินแซนนิตี (Insanity) หรือการออกกำลังกายแบบเต้นไปเต้นมา ใช้การเคลื่อนไหวของร่างกายเยอะ ๆ ติดต่อกันเป็นเวลา 60 วัน ซึ่งก็เป็นการออกกำลังกายที่ฮิตในหมู่คนไดเอตและคนรักสุขภาพมาก่อนหน้านี้

          แต่หลังจากส่งโปรแกรมอินแซนนิตี (Insanity) ในรูปแบบ DVD ออกมาเขย่าวงการออกกำลังกายได้สักระยะ ทาง BEACHBODY (http://www.beachbody.com) และ Shaun T ก็ส่ง Focus T25 ออกมาอีกชุดเพื่อตอกย้ำว่าเวลาไม่ใช่ปัญหาของคนอยากมีหุ่นสวยสุขภาพดีอีกต่อไป เนื่องจากการออกกำลังกายแบบ T25 เป็นการออกกำลังอย่างหนักติดต่อกันเพียง 25 นาทีต่อวันเท่านั้น และในอีก 50 วัน เจ้าโปรแกรม T25 จะเปลี่ยนคุณเป็นคนละคนแบบที่ต้องตะลึงงัน !

          T25 เป็นการออกกำลังด้วยวิธีไหน ?

          การออกกำลังแบบ T25 จะเน้นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอ เคลื่อนไหวกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนต่อเนื่องนาน 25 นาทีโดยไม่หยุดพัก และออกกำลังแค่ 5 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งเทรนเนอร์หนุ่มเจ้าของต้นตำรับก็แอบกระซิบมาว่า การออกกำลังกายแบบ T25 เพียงแค่ 25 นาที ก็จะได้ผลลัพธ์เหมือนเราออกกำลังกายนานถึง 1 ชั่วโมงเต็มเลยล่ะ แหม...ประสิทธิภาพของการออกกำลังกายเทียบเท่ากันอย่างนี้ สาว ๆ จะเสียเวลาไปออกกำลังกายนานถึง 1 ชั่วโมงทำไมล่ะเนอะ

          ทั้งนี้ การออกกำลังกายแบบ T25 ยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ได้อย่างถูกเผง เพราะ T25 ไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ออกกำลังกายหลายชิ้น เพียงแค่ดัมเบลขนาดพอเหมาะกับยางยืดก็พอ ไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ สามารถออกกำลังกายได้เองที่บ้านโดยไม่ต้องเสียเวลาไปฟิตเนสที่ไหน อาศัยแค่รองเท้าผ้าใบที่ถูกกิจจะลักษณะกับใจที่มุ่งมั่นแน่วแน่เท่านั้น

          โดย T25 จะแบ่งการออกกำลังเป็น 3 เฟส เริ่มจาก Alpha ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสำหรับออกกำลังเสริมสร้างกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนโดยพื้นฐานก่อนเป็นเวลา 5 สัปดาห์ เพื่อเตรียมพร้อมร่างกายให้แข็งแรงก่อนจะก้าวเข้าสู่เฟส Beta ในเดือนที่ 2 โดยเฟส Beta จะเน้นออกกำลังส่วนกลางของลำตัว ซึ่งก็คือส่วนหน้าท้องนั่นเองค่ะ สาวคนไหนอยากเสกให้พุงย้วย ๆ หายก็ต้องลองเฟส Beta นี้เลย และสุดท้ายกับเฟส Gamma เป็นการรวบรวมทั้ง 3 เฟสเข้าด้วยกัน จบคอร์สการออกกำลังกายแบบ T25 อย่างฟิตกระชับสุด ๆ

          ทั้งนี้ ท่าออกกำลังกายในแต่ละเฟสก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละวันตามตารางที่แถมมาให้พร้อมแผ่น DVD และด้วยความหลากหลายไม่ซ้ำซากจำเจของท่าออกกำลัง เลยทำให้สาว ๆ หลายคนสนุกกับการออกกำลังกายแบบ T25 ที่แม้จะเหนื่อยแสนเหนื่อย เสียเหงื่อเป็นปี๊บ ๆ ก็ไม่ถอย โดยตามตารางแล้วการออกกำลังกายแบบ T25 ในแต่ละเฟส จะแบ่งออกได้ 6 พาร์ท (6 แผ่น) ดังนี้ค่ะ

เครดิตภาพจาก Blog ของ หนิง ศรัยฉัตร จีระแพทย์ (http://saraichatt.com)

         Alpha Cycle

          1. Cardio

          เป็นการเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการเต้นตามเทรนเนอร์ใน DVD เต้นอย่างหนักติดต่อกันนาน 25 นาทีโดยไม่หยุดพัก เซตนี้จะเน้นให้ขยับแขน-ขาอย่างเร็ว เพื่อให้หัวใจเต้นแรงขึ้น ตามแบบฉบับ cardio ที่เน้นการเต้นของหัวใจ ซึ่งจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงขึ้น ที่สำคัญยังช่วยเบิร์นแคลอรี่ได้เป็นกอบเป็นกำเลยเชียว

          2. Speed1.0

          ท่าเต้นแบบคาร์ดิโอที่ว่าเร็วพอมาเจอแผ่น Speed1.0 ต้องบอกว่าเร็วกว่าแผ่นคาร์ดิโออีกค่ะ ถ้าใครที่ชื่นชอบการเคลื่อนไหวร่างกายแบบเร็ว ๆ มูฟเม้นต์เยอะ ๆ คงโปรดปราน Speed1.0 น่าดู ซึ่งนอกจากท่าออกกำลังกายแบบแดนเซอร์มัน ๆ แล้ว การเต้นตามแบบ DVD นี้ยังพาให้คุณได้ขยับเขยื้อนร่างกายทุกสัดส่วน เบิร์นไขมันส่วนเกินออกไปแบบไม่รู้ตัว

          3. Total Body Circuit

          การบริหารร่างกายแบบเน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ลักษณะของท่าจะคล้ายแอโรบิกผสมโยคะ และยิมนาสติกเบา ๆ นั่นก็หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้ดัมเบลหรืออุปกรณ์ออกกำลังกายใด ๆ อาศัยแค่ความอดทนของผู้เล่นเท่านั้นค่ะ และขอบอกตรงนี้เลยว่า การออกกำลังเซตนี้ช่วยบริหารกล้ามเนื้อท้องได้อย่างแจ่มจริง ๆ แต่เหนื่อยแบบทบทวีเลยเหมือนกันนะ

          4. Ab Intervals

          ชื่อก็บอกชัดอยู่แล้วว่าเน้นการบริหารกล้ามเนื้อท้อง (Ab) เป็นพิเศษ แต่ถ้าใครได้ลองออกกำลังกายตามเซตนี้ก็จะรู้ได้ว่า อัตราการเต้นของหัวใจจะแรงและเร็วมาก ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายมากมาย ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจค่ะ เพราะเทรนเนอร์เขาต้องการให้เลือดสูบฉีดไปทั่วร่าง และบริหารกล้ามเนื้อหัวใจเราไปพร้อม ๆ กันด้วย

          5. Lower Focus

          เซตนี้เราจะมาเน้นบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่าง ตั้งแต่สะโพกยันปลายเท้าเลยค่ะ เหมาะกับคนที่อยากลดต้นขา และกระชับขาให้เรียวเล็ก ซึ่งแต่ละท่าที่เทรนเนอร์เขาเต้นนำเรา จะทำให้สาว ๆ ปวดเมื่อยขาแบบสุดขีด แต่ก็อย่าท้อกันนะคะ ท่องไว้ว่าอนาคตเราจะเป็นสาวที่มีเรียวขาเพรียวสมส่วน

          6. Stretch

          ท่ายืดกล้ามเนื้อเบา ๆ ในวันอาทิตย์ หลังจากที่ออกกำลังกายตามเทรนเนอร์ใน DVD มาอย่างหนักหนาสาหัส ท่าออกกำลังเซตนี้จะช่วยผ่อนให้กล้ามเนื้อคลายความตึงเครียด โดยอุปกรณ์ก็มีแค่เบาะรองกับรองเท้าผ้าใบคู่โปรดเท่านั้นก็พอ แต่ผลลัพธ์ที่ได้การันตีได้เลยว่าจะคลายความเมื่อยล้า และเรียกเหงื่อได้ท่วมท้นเหมือนเดิม แม้เทรนเนอร์จะไม่ได้นำเรากระโดดโลดเต้นเลยก็ตาม

เครดิตภาพจาก Blog ของ หนิง ศรัยฉัตร จีระแพทย์ (http://saraichatt.com)

         Beta Cycle

          1. Cardio

          เน้นการบริหารกล้ามเนื้อหัวใจเหมือนกับเฟส Alpha แต่มีท่าบริหารกล้ามเนื้อท้องเสริมเข้ามาด้วย พร้อมทั้งมีท่าทดสอบความแข็งแรงของร่างกายเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง อย่างท่า Plank Diagonal Lift ที่คล้าย ๆ ท่าวิดพื้น แต่ยกแขนและขาขึ้นอย่างละข้าง และพยายามทรงตัวให้ได้ ทำสลับกันไปสักพัก เป็นการเกร็งกระชับทั้งส่วนแขน ขา และหน้าท้องที่เจ๋งแต่เหนื่อยลิ้นห้อยมาก ๆ

          2. Speed 2.0

          ยังคงเน้นท่าเต้นเร็ว ๆ เหมือนเดิม แต่มันส์กว่า สนุกกว่าจนอาจจะลืมเหนื่อยและเผลอทำให้ชีพจรเต้นแรงและเร็วเกินไปได้ง่าย ๆ โดยท่าส่วนใหญ่ที่เทรนเนอร์แนะนำจะเป็นท่าเต้นที่สนุกสนานเร้าใจ ลักษณะคล้าย ๆ ท่าเต้นของแดนเซอร์ สาวคนไหนที่ฝันอยากเต้นคัฟเวอร์เกาหลีแบบเก๋ ๆ น่าจะหลงรักแผ่น Speed 2.0 แน่ ๆ

          3. Rip’T Circuit

          ท่าออกกำลังที่ต้องใช้ดัมเบลขนาดเหมาะมือเข้าช่วย (ดัมเบลยิ่งหนักกล้ามยิ่งขึ้นนะจ๊ะสาว ๆ) โดยเทรนเนอร์จะนำเต้นแบบคาร์ดิโอก่อน ต่อด้วยท่าบริหารกล้ามเนื้อแขน ขา และหน้าท้อง แล้วจึงวนกลับไปเต้นท่าคาร์ดิโออีกครั้งอย่างนี้เรื่อย ๆ จนครบ 25 นาที แผ่นนี้ไม่ค่อยเหนื่อยมากค่ะ แต่ก็เรียกเหงื่อและเบิร์นแคลอรี่ได้พอตัวเลยล่ะ

          4. Dynamic Core

          การออกกำลังกายแบบเน้นใช้พลังของร่างกายเป็นหลัก โดยเน้นบริหารกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัวทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เช่น มีท่า Side Plank ที่ต้องนอนตะแคงเท้าแขนไว้ข้างหนึ่ง เหยียดขาตรง และยกลำตัวขึ้นลงอย่างนั้นซ้ำ เหนื่อยใช้ได้เลยทีเดียวค่ะ

          5. Upper Focus

          เป็นแผ่นที่เน้นการบริหารกล้ามเนื้อส่วนบน เทรนเนอร์จะนำให้เราออกกำลังที่ต้องใช้แรงแขน เพื่อกระชับต้นแขนและส่วนไหล่ โดยใช้ดัมเบลน้ำหนักพอเหมาะเป็นอุปกรณ์เสริม ซึ่งสาว ๆ ก็อย่าโหมใช้ดัมเบลหนักเข้าล่ะ เดี๋ยวกล้ามโตขึ้นมาแล้วจะหาว่าไม่เตือน

          6. Strecth

          ไม่ค่อยต่างจากเฟส Alpha เท่าไรค่ะ เป็นการเน้นบริหารกล้ามเนื้อโดยยืดเส้นยืดสายคลายความตึงเครียดเป็นหลัก

          ทั้งนี้ ในส่วนเฟส Gamma ก็จะมีลักษณะคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ความเร็วในแผ่น Speed (ในเฟส Gamma เป็น Speed 3.0) จะเร็วขึ้น มันขึ้น ท่าก็ยากมากขึ้นด้วย แต่ยังคงความสนุกได้เต็มแม็กซ์ และอาจจะหนักไปทางเวทเทรนนิ่งเป็นส่วนใหญ่ พร้อมทั้งยังได้ออกกำลังกายแบบ Upper Body และ Lower Body ไปด้วยกัน แต่ท่าจะยากขึ้นอีกระดับ บริการกล้ามเนื้อกันอย่างโหดขึ้น ซึ่งทั้งหมดนี้ก็อยู่ภายใต้การนำของเทรนเนอร์ใน DVD ตลอดทั้งคอร์สเลยนะจ๊ะ

          ออกกำลังแบบ T25 แล้วจะได้อะไร ?

          อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนเมื่อออกกำลังกายแบบ T25 ก็คือ รูปร่างของสาว ๆ จะกระชับขึ้น สัดส่วนเล็กลง หน้าท้องแบนราบ เรียกได้ว่าเฟิร์มขึ้นอย่างจับสังเกตได้ อีกทั้งเมื่อได้เสียเหงื่อบ่อย ๆ เลือดลมก็จะหมุนเวียนได้ดี ผิวพรรณก็ดูเปล่งปลั่งเหมือนเป็นสาวรักสุขภาพสุด ๆ

          ส่วนในแง่สุขภาพก็แน่นอนอยู่แล้วว่าแค่เราขยับร่างกาย ออกกำลังให้หัวใจเต้นแรงและเสียเหงื่อ บวกกับควบคุมอาหารโดยหันมากินอาหารคลีนหรืออาหารเพื่อสุขภาพมากกว่าแต่ก่อน แค่นี้ก็เพียงพอจะป้องกันเราจากโรคภัยไข้เจ็บได้หลายโรค แถมยังฟิตสุขภาพของเราให้แข็งแรง มีภูมิต้านทาน ปรับสมดุลในร่างกายให้เข้าที่เข้าทาง ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอย่างน้อยก็ช่วยให้เลือดลมไหลเวียนดีกว่าตอนที่ไม่ได้ออกกำลังกาย กล้ามเนื้อแข็งแรงและกระฉับกระเฉงขึ้นด้วยนะจ๊ะ

          T25 เหมาะกับใครบ้าง ?

          จริง ๆ แล้วการออกกำลังกายแบบ T25 จะค่อนข้างตอบโจทย์คนที่อยากลดสัดส่วนและลดน้ำหนัก เนื่องจาก T25 จะช่วยให้คุณรีดไขมันและเฟิร์มร่างกายได้ในเวลาอันรวดเร็ว โดยไม่ต้องอดทนออกกำลังกายเป็นเวลานานต่อเนื่องหลายเดือน เพราะเพียงแค่ออกกำลังแบบ T25 แค่ 2 เดือนตามตารางที่เขากำหนด ก็จะเห็นผลลัพธ์ที่น่าร้องว้าวแล้ว แต่กับคนที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคหัวใจ โรคข้อเข่า อาจจะต้องเลี่ยงการออกกำลังกายในบางท่า เพราะท่าออกกำลังกายบางคอร์สจะเน้นการกระโดด การเคลื่อนไหวร่างกายแบบเร็ว ๆ ซึ่งอาจกระทบกับโรคประจำตัวของคุณได้

          อย่างไรก็ดี การออกกำลังกาย T25 จะค่อนข้างเรียกเหงื่อและทำให้เราเสียพลังงานเยอะมาก หลายคนที่เริ่มเล่นช่วงแรก ๆ อาจจะเหนื่อยจนแทบขาดใจ แต่ก็อย่าท้อและอย่าหักโหมนะคะ เหนื่อยก็หยุดพักได้เป็นระยะ ค่อยเป็นค่อยไปจนกว่าจะทำตามในแต่ละท่าได้สำเร็จ อย่ากดดันตัวเองด้วยระยะเวลา แต่ก็อย่าเฉื่อยชาจนสร้างความขี้เกียจให้ตัวเองก็พอ และที่สำคัญพยายามควบคุมอาหารพร้อมกับเลือกกินผักผลไม้ อาหารเพื่อสุขภาพ และดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วย

ที่มา health.kapook.com