Friday, August 23, 2013

ไขทุกปัญหาข้อสงสัยเรื่อง "สิว"

"สิว" ถือได้เป็นปัญหาใหญ่ของสาวๆ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกเมื่อทุกเวลา และเป็นปัญหาที่สาวๆ หลายคนกังวล

ภาพจาก http://cozywallet.com
วันนี้เราได้เรารวบรวมข้อมูลเรื่องสิว เพื่อไขทุกข้อข้องใจเรื่องปัญหาสิว และทำให้ความกังวลของสาวๆ หมดไป พร้อมมีใบหน้าสวยใสไร้สิวเข้ามาแทนที่คะ


Q: "สิว" เกิดจากอะไร 
A: สิวเกิดจากรูขุมขนของผิวเราเกิดการอุดตัน จากไขมัน สิ่งสกปรก และน้ำมันในผิวของเราเอง การเป็นสิวนั้นไม่ได้เกิดจากเชื้อโรคภายในผิว แต่เป็นผลจากปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ได้แก่ ฮอร์โมนแอนโดรเจน ปริมาณเซลล์โปรตีนเคราทินที่มากเกินไป ความหนาของชั้นหนังกำพร้า ท่อไขมันของผิว การผลิตน้ำมัน และปริมาณของแบคทีเรียที่อาศัยอยู่บนผิวหน้า 

Q: ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิดสิว
A: มีปัจจัยหลายประการที่ทำให้เกิดสิว ได้แก่
1. การเปลี่ยนแปลงของรากผม รากผมเจริญเร็วเซลล์มีการแบ่งตัวเร็ว และมีเซลล์ที่ตายมาก จึงเกิดการอุดตันของต่อมไขมัน

2. ร่างกายสร้างฮอร์โมน Androgen ทำให้มีการสร้างไขมันเพิ่ม โดยมากฮอร์โมนจะเริ่มสร้างเมื่ออายุ 11-14 ปีดังนั้นจึงพบสิวมากในวัยนี้และอาจจะอยู่ได้นานหลายปี

3. น้ำมันส่วนเกิน

4. การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะสมในการกำจัดน้ำมันและสิ่งสกปรกออกจากผิว

5. การผลิตโปรตีนเคราทินที่มากเกิน

6. การแพ้อาหาร

7. ขาดวิตามิน (โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิตามินเอ)

8. ค่า pH ความเป็นกรดของผิวไม่เพียงพอที่จะต่อสู้กับแบคทีเรียบนผิวสภาพอากาศที่ร้อนชื้น ซึ่งมีส่วนในการกระตุ้นให้เกิดสิวได้มากขึ้น เพราะทำให้มีปริมาณแบคทีเรียเพิ่มมากขึ้น

9. เลือกครีมบำรุงผิวไม่ถูกกับสภาพผิวหน้า

10. การระคายผิว เช่น การล้างหน้าที่มีการถูมาก หรือการบีบสิว

11. ยาบางชนิดทำให้เกิดสิวเพิ่มขึ้น เช่น INH Iodides Bromide Steroid Testosterone Gonadotropine Anabolic steroid ยาคุมกำเนิด

12. การใช้ผลิตภัณฑ์สมานกระชับผิว และผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้งมากเกินไป

13. การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม

14. ความเครียด


ภาพจาก http://www.thriftyfun.com
Q: มีวิธีใดบ้างที่ช่วยป้องกันการเกิดสิว 
A:  มีวิธีง่ายในการป้องการการเกิดสิว ได้แก่
1. การรักษาความสะอาด มื่อใช้โฟมทำความสะอาดหน้าแล้ว ต้องล้างออกให้หมดจด อย่าให้มีคราบตกค้าง และการล้างหน้าต้องล้างให้ขึ้นไปถึงตีนผม เพื่อล้างน้ำมันและคราบสกปรกที่อาจจะเป็นตัวก่อสิวออกไปให้หมด สาหรับคนที่มีผมมัน ควรสระผมทุกวัน เป็นต้น 

2. การพักผ่อนให้เพียงพอ การนอนหลับ พักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิวได้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายเรามีภูมิต้านทานลดลง 

3. ลดความเครียด สร้างอารมณ์ขบขัน ทำให้เรามีความสุขมากขึ้น ซึ่งความเครียดเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว 

4. ควรกินอาหารจำพวกผักสีเขียว ช่วยให้ร่างกายสามารถล้างสารพิษออกไปได้ 

5. หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทที่มีไขมันสูง หรือ ไม่รับประทานอาหารที่มีไขมันมาก ๆ (ที่มาข้อมูล: drsomchai.com)


Q: สามารถรักษาสิวด้วยวิธีใดบ้าง 
A: ปัจจุบัน มีวิธีการหลากหลายวิธี ที่ช่วยดูแลรักษาสิว และทำให้ผิวพรรณดูสวยงาม เปล่งปลั่ง ได้แก่ 
1. การใช้ครีมและทานยา เวลาไปรักษาที่คลินิกความงาม แพทย์มักจะจ่ายยา 3-4พวก ได้แก่ กลุ่มยาฆ่าเชื้อ ที่เจอบ่อยๆ เช่น ClindaM หรือยา Clindamycin บางคนก็จะได้ยาพวก Doxycycline มากิน กลุ่มยาต่อมา คือ กลุ่มยาผลัดเซลล์ผิว เช่น Retin A เร่งให้เซลล์เก่าถูกผลัดไป เซลล์ใหม่ขึ้นมาแทน, ยาทารักษาสิว Resorcinol ชื่อทางการค้าคือ RA เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี กลุ่มยากัดเซลล์ผิวเก่า (แก้รูขุมขนตัน) เช่น BHA, AHA, Benzoyl Peroxide ซึ่งจะไปกัดเอาผิวที่ตายแล้วออกไป ทำให้ผิวอ่อนๆ ข้างล่างเด่นขึ้น รวมทั้งกันไม่ให้เกิดการอุดตันรูขุมขน ส่วน Benzamycin เจล เป็นการรวมกันระหว่าง Benzoyl peroxide กับ Erythromycin เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการกับสิวมากขึ้น Erythromycin เป็นตัวหนึ่งในบรรดายาปฏิชีวนะ ซึ่งจะเข้าไปรบกวนการผลิตโปรตีนที่จำเป็นในการแบ่งตัว และยับยั้งการเติบโตของแบคทีเรีย ซึ่งทำให้เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ Benzoyl peroxide ในการจัดการกับสิว กลุ่มยาสุดท้ายคือ ยาคุม ซึ่งหลายคนไม่อยากเสียเงินกับการรักษาพวกนี้ ความจริงแล้วกลุ่มยาที่มีส่วนทำให้ผิวหน้าดูดี เพราะมี BHA และ AHA ในทางการ แพทย์ เราใช้สารกลุ่มนี้ในการรักษาหน้า ซึ่งสรรพคุณของมันคือ การทะลวงเข้าไปในชั้นผิวหนังส่วนบนหรือที่เรียกว่า Epidermis จากนั้นก็จัดการกัดทำลายและทำให้มันหลุดออกจากกัน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการขัดขี้ไคลโดยไม่ต้องออกแรง ในทางการแพทย์ ก็มีการใช้สารพวก AHA BHA และกรดบางชนิดในการทำความสะอาดผิวหน้า สูตรความงามของคนทั่วโลก ก็มีการเอาผลไม้ต่างๆ มาฝานตัดแปะหน้า เช่น แตงกวา มะนาว ส้ม กล้วย นมเปรี้ยว บัวหิมะ ฯลฯ ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ส่วนหนึ่งมันก็คือ AHA ที่ได้จากธรรมชาติ โดยปกติจะมีอยู่ในปริมาณความเข้มข้นที่ต่ำจนใช้ได้ปลอดภัยไม่ทำลายผิวหน้า 

2. การรักษาด้วยเลเซอร์ Fractional Photothermolysis ซึ่งใช้ในการ รักษาฝ้า จุดด่างดำ รักษาริ้วรอย รอยแผลเป็นจากสิว รอยแผลเป็นจากการผ่าตัดและซ่อมแซมผิวหนังที่ปลอดภัย เป็นการรักษาที่ทันสมัยที่สุดในปัจจุบัน (อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่)

3. การรักษาด้วย YAG Laser นอกจากจะรักษาสิวแล้ว ยังช่วยให้ผิวกระชับอ่อนเยาว์ และริ้วรอยลดลง ช่วยทำให้ใบหน้าดูขาวใส เรียบเนียน และช่วยรักษาปัญหาผิวหยาบกร้าน รูขุมขนใหญ่ (อ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่)

4. การรักษาด้วยสมุนไพรไทย เป็นวิธีการที่ง่ายและประหยัด สามารถทำได้ที่บ้านด้วยตัวเอง เช่น มะนาว ขมิ้นชัน ใช้อบเชยผสมน้ำผึ้ง มะขาม เป็นต้น (อ่านเพิ่มเติมวิธีการรักษาสิวด้วยสมุนไพรได้ ที่นี่)


สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องการรักษาสิว และการดูแลผิวพรรณได้ ที่นี่ 



No comments:

Post a Comment