Sunday, September 28, 2014

เทคนิคการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก


1. รูปแบบการออกกำลังกาย (Type) สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักและควบคุมน้ำหนักตัว ควรเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายประเภทแอโรบิก หรือการเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง อาทิ การเดิน การวิ่งเหยาะ ๆ การขี่จักรยานแบบนั่งอยู่กับที่ การว่ายน้ำ หากของออกกำลังกายเป็นกลุ่มก็เข้าร่วมกิจกรรมการเต้นแอโรบิก การฝึกไท้เก๊ก การฝึกโยคะ เป็นต้น โดยพิจารณาให้เหมาะสมกับตนเอง และคำนึงถึงความสะดวก ปลอดภัย รวมทั้งความยากง่ายด้วย และควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกหรือมีการเปลี่ยนแปลงจังหวะทิศทางเคลื่อนไหวที่รวดเร็ว ซึ่งจะมีผลต่อข้อเข่าข้อเท้าทำให้เกิดการบาดเจ็บได้

2. ระยะเวลาในการออกกำลังกาย (Duration) หากต้องการให้ร่างกายให้พลังงานหรือเผาผลาญไขมันได้มาก ควรให้ระยะเวลาในการออกกำบังกายยาวนานโดยเรียนรู้ระดับความเหน็ดเหนื่อยที่เหมาะสมด้วยตัวเอง เช่น หากไม่สามารถพูดคุยโต้ตอบกันได้ในขณะออกกำลังกาย แสดงว่าการออกกำลังกายนั้นหนักเกินไป ซึ่งไม่สามารถออกกำลังกายได้นาน สำหรับผู้ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการออกกำลังกาย ควรเริ่มการออกกำลังกายโดยใช้เวลาไม่นานนัก ประมาณ 5-10 นาที วันละ 2-3 ครั้ง เมื่อคุ้นเคยหรือมีสมรรถภาพร่างกายดีแล้ว จึงปรับเวลาให้การออกกำลังกายเพิ่มขึ้นตามลำดับ จนกระทั่งสามารถออกกำลังกายได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 30-45 นาที หรือนานกว่าประมาณ 4-6 ครั้งต่อสัปดาห์

3. ความหนักในการออกกำลังกาย (Intensity) ควรออกกำลังกานให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตัวเอง ไม่ควรทำหรือล้อเลียนแบบผู้อื่น เพราะการออกกำลังกายที่ดูว่าเบาสำหรับคนอื่น อาจจะกลาเป็นหนักสำหรับเรา จึงควรเลื่อนกระดับความหนักให้เหมาะสมกับตนเอง ด้วยการคำนวณจากอัตราเต้นชีพจรสูงสุดดังนี้

ตัวอย่าง นาย ก อายุ 40 ปี ต้องการออกกำลังกายที่ระดับความน้ำหนัก 60-70 % ของอัตราการเต้นชีพจรสูงสุดนาย ก. ควรออกกำลังกายให้เหนื่อยที่ระดับหัวใจเต้นที่ครั้งต่อนาที มีวิธีคำนวณดังนี้
อัตราการเต้นชีพจรสูงสุดของนาย ก. = 220 – อายุ นาย อ. = 220 -40 = 180 ครั้งต่อนาที
การออกกำลังกายที่ระดับความหนัก 60 % = 180 x 0.60 = 108 ครั้งต่อนาทีการออกกำลังกายที่ระดับความหนัก 70 % = 180 x 0.70 = 126 ครั้งต่อนาที

ดังนั้น การออกกำลังกายของ นาย ก. ควรให้เหนื่อยที่ระดับหัวใจเต้นประมาณ 108-126 ครั้งต่อนาที ซึ่งเป็นความหนักที่ระดับ 60 – 70 % ของอัตราการเต้นชีพจรสูงสุดของ นาย ก. โดยร่างกายจะดึงไขมันออกมาใช้เป็นพลังงานในการเคลื่อนไหวคณะออกกำลังกาย

4. ความบ่อยครั้งในการออกกำลังกาย (Frequency) ผู้ออกกำลังกายที่ต้องการลดน้ำหนักเร็ว พึงระลึกไว้เสมอว่า การออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือแบบใช้ออกซิเจนเป็นพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นการเดิน วิ่ง ขี่จักรยาน หรือเต้นแอโรบิก ฯลฯ ยิ่งทำได้นานและบ่อยครั้งมากเท่าใด ยิ่งช่วยเผาผลาญและลดไขมันในร่ายกายได้มากขึ้นเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ควรมีวันพักหรือหยุดออกกำลังกาย อย่างน้อย 1 ครั้งต่อสัปดาห์และออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ หรืออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์

หลักสำคัญของการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก

1. ควรให้กล้ามเนื้อมัดใหญ่ทั่วร่างกายได้เคลื่อนไหวหรือออกแรงอย่างต่อเนื่อง หรือเป็นช่วย ๆ อย่างน้อย 15 – 30 นาที จะทำให้เผาผลาญพลังงานได้มากขึ้น
2. ต้องให้เกิดความรู้สึกเหนื่อย โดยให้หัวใจเต้นประมาณ 120-140 ครั้งต่อนี้ หรือประมาณ 60-70 % ของอัตราการเต้นหัวใจ
3. ต้องออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ หรืออย่างน้อย 3 ครั้งต่อสัปดาห์
4. ควรเลือกกิจกรรมการออกกำลังกายหลากหลายรูปแบบ โดยให้เหมาะสมกับสภาพร่างกายของตนเองและสอดคล้องวัตถุประสงค์ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์และการทรงตัวที่ดี
5. ควรอบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ก่อนและหลังการออกกำลังกายทุกครั้ง
6. ไม่ควรงดอาหาร แต่ควรปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหารให้ถูกต้องได้สัดส่วนเหมาะสม
7. ควรงดอาหารออกกำลังกายเมื่อมีอาการเจ็บป่วยไม่สบายหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ นอกจากนี้ ควรเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวไหล่ หลังส่วนนอก อก ต้นแขน หน้าท้อง หลังส่วนล่าง ต้นขา และสะโพก ให้แข็งแรง ซึ่งจะมีผลต่อการเคลื่อนไหวและรูปร่างทรวดทรงที่กระชับได้สัดส่วนสวยงาม เป็นการสร้างเสน่ห์เพิ่มบุคลิกที่ดีให้กับตนเอง

สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรง ที่ให้ทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิตที่ดี ช่วยลดน้ำหนัก และสร้างรูปร่างที่สง่างาม อย่างโยคะฟลาย และพิลาทิส เรียนชกมวย เรียนเต้นหลากหลายรูปแบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการสอน ราคา และตารางการเรียนได้ที่ http://www.sanooklife.com

ที่มา angleagel.blogspot.com

Tuesday, September 23, 2014

ไม่ต้องคุมอาหารแค่ต่อยก็อยู่หมัด



ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ยังวนเวียนอยู่ในวัฏจักรการลดความอ้วนแบบเดิมๆ  “ด้วยการอดอาหาร กิน เครียด ออกกำลังกาย กิน น้ำหนักลดและให้รางวัลตัวเองด้วยการกินฉลองความสำเร็จแล้วล่ะก็?” คุณต้องเพิ่มตัวช่วยแล้วล่ะค่ะ

ผู้หญิงอย่างเรายิ่งอายุมากขึ้น รูปร่างยิ่งขยายใหญ่ขึ้น ความคล่องตัวก็ลดลง สุขภาพย่ำแย่ หน่ำซ้ำความเครียดจากการงานและผู้คนรอบข้างก็ยังทำให้คุณอยากกินเยอะๆ เข้าไปอีก สาวๆ หลายคนลดความอ้วนมาหลายรอบ หลายวิธี แถมยังสรรหากีฬาทุกอย่างเล่นไม่ว่าจะ ‘ว่ายน้ำ ตีแบดฯ เทนนิส โยคะ เดินๆๆ วิ่งตามสวนสาธารณะ เต้นแอโรบิก ฟิตเนส เข้าคอร์สสลายไขมัน’ เหล่านี้คือพฤติกรรมที่สาวๆ พยายามอย่างมาก แต่ผลตอบแทนที่ได้รับ...ก็คือการสะกิดไขมันทิ้งไปเพียงน้อยนิด

สาว WH คนหนึ่ง ซึ่งมีความสุขกับน้ำหนักที่ลดลงถึงได้ถึง 18 กิโลกรัมภายใน 5 เดือน (และเปลี่ยนไปใช้เสื้อผ้าที่เล็กลงถึง 2 ไซด์) จากกีฬาต่อยมวยได้บอกต่อเคล็ดลับที่อาจช่วยเปลี่ยนหุ่นคุณให้ฟิตได้ทันใจ “ลองหันกลับไปมองสิ่งที่คุณไม่ชอบดูสิคะ อะไรที่ไม่เคยคิดจะลอง เพราะคิดว่าไม่เหมาะกับตัวเอง...อาจกลายเป็นตัวตนที่แท้จริงของคุณก็ได้” ‘หลังจากเคยลองทุกสิ่งทุกอย่างมา 10 ปี น้ำหนักไม่ลง แต่พอต่อยมวยสองสัปดาห์แรกน้ำหนักลดไป 3 กิโลกรัม ครบหนึ่งเดือนลดอีก 6 กิโลกรัม, 2 เดือนต่อมาลงไป 11 กิโลกรัม รวมๆ แล้วเล่นมา 5 เดือน น้ำหนักหายไป 18 กิโลกรัม ‘ทั้งที่กินเหมือนเดิม อาหารแทบไม่ได้คุม ทั้งข้าวเหนียวหมูปิ้ง สเต็ก ข้าวเช้า กลางวัน เย็น หลังต่อยมวยเสร็จก็ยังกินอยู่ แค่ไม่กินแป้งแต่ไม่ได้ใช้ตัวช่วยอื่นๆ เลย ต่อยมวยอย่างเดียว’ โดยวันทำงานเล่นประมาณครึ่งชั่วโมง แต่เสาร์-อาทิตย์จัดเต็มบ่ายสามถึงหนึ่งทุ่ม

‘การต่อยม่วยสนุกมาก เวลาต่อยจะต้องมีปฏิสัมพันธ์กับครูฝึก ไม่เหมือนฟิตเนสที่วิ่งบนลู่คนเดียว’ (แก้ว-สุธรีรัตน์ เกษพาณิช) จึงเป็นแรงกระตุ้นที่ทำให้คุณมีความอึดมากขึ้น การชกมวย 1 ชั่วโมงช่วยคุณเผาผลาญได้ประมาณ 800 แคลอรี สามารถเปลี่ยนต้นขาใหญ่ เซลลูไลต์เยอะ ให้กลายเป็นกล้ามเนื้อฟิตๆ เรียวงาม แถมยังทำให้ระบบหายใจดีขึ้น เหงื่อออกเยอะ ผิวใส สดชื่นกระปรี้กระเปร่า ‘ลองมองหาสิ่งที่คุณชอบ เพื่อจะได้ทำได้บ่อยๆ ดูนะคะ’ แล้วคุณจะเป็นนิยามใหม่ของผู้หญิงเฮลตี้และมีความสุขกับตัวเองมากขึ้น Women’s Health, May 2014 - (womenshealththailand.com)

สำหรับสาวๆ ที่สนใจคอร์สเรียนมวยไทยเพื่อลดน้ำหนัก และสร้างรูปร่างกระชับ เรามีคอร์สเรียนมวยไทยราคาสุดคุ้มมานำเสนอคะ เรียนมวยไทย 10 คลาส (แบบตัวต่อตัว) ราคาเพียงแค่ 4,655 บาท จากปกติราคา 4,900 บาท เรียนกับเทรนเนอร์แบบตัวต่อตัว 1 ชั่วโมง ในหนึ่งคลาส

เปิดบริการ

วันจันทร์ – ศุกร์: 10.00 น. – 12.00 น. และ 14.00 น. – 22.00 น.
วันเสาร์ - อาทิตย์: 8.00 น. – 12.00 น. และ 14.00 น. – 22.00 น.

โรงเรียนได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ มีอาหารและเครื่องดื่มจำหน่าย มีห้องอาบน้ำไว้บริการและอื่นๆ อีกมากมาย

สถานที่เรียน: 

สาขา 1 ซอยสุขุมวิท 39 จาก BTS พร้อมพงษ์ ลงทางออกที่ 3 เดินประมาณ 300 เมตร มีที่จอดรถฟรี)
สาขา 2 ที่ โรงแรมตวันนา อาคารสุริยวงศ์ ชั้น 9 ถนนสีลม ใกล้กับ BTS ศาลาแดง  มีที่จอดรถบริการฟรี)

สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 08 1660 0864 หรือ http://www.sanooklife.com/collections/learn-muay-thai-bangkok

Monday, September 15, 2014

โยคะกับการลดน้ำหนัก


ปัจจุบันการเล่นโยคะเป็นการออกกำลังกายเทรนด์ใหม่ที่กำลังได้รับความนิยมไม่ว่าจะเป็นเหล่าดารา นักแสดง รวมถึงสาวออฟฟิศ ต่างให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งการเล่นโยคะ  จะช่วยในการเสริมสร้างบุคลิกภาพ, รู้จักการหายใจอย่างถูกวิธี, ช่วยเพิ่มสมาธิ, ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น และช่วยลดความเครียด นอกจากนี้ยังช่วยให้หุ่นของสาวๆ ฟิตแอนด์เฟิร์ม อีกด้วย

โยคะลดน้ำหนักได้จริงหรือ? โยคะเป็นท่าออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ฝึกเน้นเรื่องการหายใจร่วมกับท่าต่างๆ ที่ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของ เนื้อเยื่อรอบๆข้อต่อต่างๆ ของร่างกายทั้งแขนขา และ ลำตัว ซึ่งเป็นผลให้การเคลื่อนไหวของข้อต่อเพิ่ม มากขึ้นได้และถ้าทำได้ถูกต้องร่วมกับการหายใจจะเป็น การช่วยทำให้ฝึกสมาธิได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากการเคลื่อนไหวของท่าโยคะ เป็นการ เคลื่อนไหวแบบเบาๆ ถ้าเทียบกับการออกกำลังกายลดน้ำหนักอื่นๆ บางชนิด เช่น เทนนิส บาสเกตบอล เต้นรำ เต้นแอโรบิค เป็นต้น อัตราการเผาผลาญจึงไม่มากนัก พลังงานส่วน ใหญ่มาจากการสลายน้ำตาลในเลือดและตับ แต่เนื่อง จากการเคลื่อนไหวของโยคะต่อเนื่องและเป็นเวลานาน ดังนั้นจะมีการสลายไขมันนำมาใช้เป็นพลังงานบ้างใน ช่วงท้ายๆของท่าต่างๆ

โยคะที่สาวๆ มักนิยมเล่นกันมีอะไรบ้าง?

โยคะร้อน นิยมฝึกกันในห้องอุณหภูมิ 37 องศาเซลเซียส นาน 45 นาที ความต่างของโยคะธรรมดากับโยคะร้อนนี่ ที่เห็นกันชัดๆ คือเรื่องของการยืด เหยียด บิด โยคะร้อนจะช่วยได้ดีกว่า เนื่องจากร่างกายพออยู่ในอุณภูมิที่สูงขึ้น จะยืด เหยียดอะไรก็ง่ายกว่ามาก สำหรับคนเล่นใหม่ๆ แนะนำให้เล่นโยคะร้อนก่อน เพื่อปรับสมดุลของท่า ปกติโยคะร้อนจะเล่น 90 นาที เผาผลาญได้ถึง 500-600 แคลอรี่ (โยคะธรรมดาเผาผลาญได้ 300 แคลอรี่) และช่วยเรื่องผิวพรรณ กระชับสัดส่วน ดูอ่อนเยาว์

โยคะฟลาย มาแรงมากในหมู่ดารา ประโยชน์ของโยคะฟลาย ก็ไม่ต่างจากการเล่นโยคะทั่วไป หรือการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ คือเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่ง ที่เน้นการยืดเหยียดของกล้ามเนื้อกระดูก และเสริมสร้างความสมบูรณ์ให้กับกล้ามเนื้อ

อุปกรณ์สำคัญในการเล่น โยคะฟลาย คือ ผ้า Hommog ที่ทำจากวัสดุพิเศษ ที่มีความนุ่มและหยืดหยุ่นได้ดี สามารถรับน้ำหนักได้ถึง 1000 กิโลกรัมเลยทีเดียว ผ้า Hommog นี้เวลาเล่นก็ต้องแขวนบนเพดานอย่างแน่นหนา เพื่อที่เวลาบินขึ้นไปแล้วจะไม่ร่วงลงมาสู่พื้นนั่นเอง

จะเห็นได้ว่าโยคะแต่ละท่ามีผลต่อร่างกายแตกต่างกันไป การฝึกโยคะบางท่ามีผลช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อบางท่าช่วยบำบัดรักษาโรค นอกจากนี้การฝึกโยคะยังให้ประโยชน์อีกมากต่อสุขภาพจิตเป็นการออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ดี และประสิทธิภาพในการทำงานของสมองด้วย ซึ่งแน่นอนว่าผลดีทั้งปวงที่ร่างกายซึ่งทั้งนี้ต้องมีการฝึกปฏิบัติเป็นประจำเท่านั้นจึงจึะได้ผลดี

สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรง ที่ให้ทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิตที่ดี อย่างโยคะฟลาย และพิลาทิส เรียนชกมวย เรียนเต้นหลากหลายรูปแบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการสอน ราคา และตารางการเรียนได้ที่ http://www.sanooklife.com

เรียน โยคะฟลาย (Yoga Fly ) Beginner 10 คลาส จากปกติราคา 4,900 บาท พิเศษลงทะเบียน Online ผ่านหน้าเว็บไซต์ sanOOklife รับสิทธิชำระเงิน ในราคาเพียง 4,655 บาท

ที่มา www.thaifitandfirm.com

วิธีเอาชนะความเบื่อหน่ายจากการเล่นฟิตเนส


สำหรับคนที่รู้สึกเบื่อหน่าย หมดกำลังใจ ท้อแท้ และไม่อยากเล่นฟิตเนส หรือออกำลังกาย วันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ วิธีเอาชนะความเบื่อหน่ายมาฝากกันคะ

ประเมินตัวเอง ให้ประเมินกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณในขณะนี้เสียก่อน เพื่อชี้ชัดให้ได้ว่าอะไรที่ทำให้คุณเบื่อการออกำลังกายแล้ว ลองหันไปเพิ่มความหลากหลายใหม่ๆ ให้กิจกรรมที่คุณโปรดปราน เช่น หันมาเล่น Kick Boxing แทนการเต้นแอโรบิก หรือเล่นฟรีเวต แทนเครื่อง สิ่งเหล่านี้อาจช่วยให้กิจวัตรเดิมๆ มีชีวิตชีวาขึ้น หรือถ้าคุณเคยออกกำลังแต่ในฟิตเนส ก็ลองไปออกกำลังตามสวนสาธารณะบ้างเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ

เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าหากการเปลี่ยนแปลงกิจกรรมเล็กๆ น้อยๆ ยังไม่เพียงพอ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ เริ่มต้นทำกิจกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะลองทำ เช่น ถ้าคุณเคยชินอยู่กับการเล่นกีฬาคนเดียว ลองหันมาเล่นกีฬาแบบทีมดูบ้าง หรือพยายามทำสิ่งที่คุณไม่ชอบมาโดยตลอด เช่น การเล่นกีฬาแอดเวนเจอร์ อย่าง ขี่จักรยานเสือภูเขา การปีนหน้าผา ฯลฯ

หาเพื่อนออกกำลังกาย การออกกำลังกายคนเดียวก็เหมือนกับการได้พักผ่อนจากวันที่ยุ่งเหยิง แต่บางทีการออกกำลังกายก็ต้องการเพื่อนที่จะช่วยให้คุณได้สังสรรค์ไปในตัว ซึ่งการชวนเพื่อนไปออกกำลังกายด้วยกัน จะทำให้คุณไม่อยากงดออกกำลังกาย เนื่องจากมีคนรออยู่ การมีคนมาออกกำลังกายด้วยยังหมายถึงการท้าทายให้คุณพัฒนาทักษะการออกกำลังกายให้ดีขึ้น

ตั้งเป้าหมายที่ท้าทายตัวเอง หลายคนตั้งใจออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง แต่การตั้งเป้าหมายบางอย่างเช่น การร่วมวิ่งแข่งมาราธอน หรือการแข่งว่ายน้ำ จะทำให้การออกกำลังกายของคุณในแต่ละวันมีความหมายขึ้น

เพิ่มความหลากหลาย การออกกำลังกายหลายๆ อย่างสลับไปมา เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้เบื่อการออกกำลังกายได้ดี ถ้าปกติคุณออกำลังกายแค่อย่างเดียว ก็ลองสลับด้วยกิจกรรมอื่นๆ สัก 2-3 วัน ในหนึ่งสัปดาห์ โดยควรให้โปรแกรมการออกกำลังกายของคุณครบถ้วน ทั้งการออกกำลังบริหารหัวใจ การฝึกความแข็งแรง และการยืดกล้ามเนื้อของร่างกาย

ของเล่นใหม่ๆ อุปกรณ์ในการออกกำลังกายเล็กๆ น้อยๆ อาจจะไม่ใช่ของจำเป็น แต่มันอาจช่วยให้การออกกำลังกายของคุณสนุกและเพลิดเพลินขึ้น

หยุดพัก บางครั้งคุณจะต้องการเวลาพักสักหน่อย ในกรณีนี้ลองลดกิจวัตรการออกกำลังกายของคุณลงบ้างและแทนที่ด้วยกิจกรรมอื่น คุณอาจพบสิ่งที่คุณสนุกกับมันได้มากกว่าเรื่องเดิมๆ ที่เคยโปรดปราน

ลองทำดูนะคะสาวๆ สู้ๆ คะ เพื่อสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงสมบูรณ์ สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรง ที่ให้ทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิตที่ดี อย่างโยคะฟลาย และพิลาทิส เรียนชกมวย เรียนเต้นหลากหลายรูปแบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการสอน ราคา และตารางการเรียนได้ที่ http://www.sanooklife.com

ที่มา fitnessdd.com

Sunday, September 7, 2014

ผอมสวย ด้วยกีฬาง่ายๆ แค่วันละ 30 นาที


การหักโหมจนเกินไปในการออกกำลังกาย อาจทำให้ร่างกายเกิดอาการบาดเจ็บได้ง่าย ดังนั้นการออกกำลังกายที่ดีควรออกกำลังกายให้เหมาะสมกับร่างกายมากที่สุด        การหักโหมออกกำลังกายนอกจากจะไม่ช่วยให้คุณผอมลงแล้ว ยังทำให้คุณได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกายที่มากจนเกินไปด้วย ดังนั้น การออกกำลังกายที่พอดีกับตัวเองย่อมเป็นผลดีต่อคุณสาวๆแน่นอน ลองหันมาออกกำลังกายเพียง 30 นาที ต่อวันก็ช่วยให้คุณเผาผลาญพลังงานไปได้เยอะแล้วล่ะ




30 นาที เบิร์น 425 แคลอรี่      การเล่นโรลเลอร์เบลด จะช่วยขจัดแคลอรี่ของคุณออกไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะต้นขาและสะโพกของคุณจะต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลาที่คุณยืนอยู่บนรองเท้าติดล้อ นอกจากนี้คุณยังต้องพยายามทรงตัวร่างกายให้อยู่ในความสมดุลอีกด้วย อ้อ...ถ้าจะเล่นโรลเลอร์เบลดเมื่อไหร่ อย่าลืมหาสนับเข่า สนับศอก และหมวกกันน็อกป้องกันตัวเองด้วยล่ะ



30 นาที เบิร์น 374 แคลอรี่      การวิ่ง สังเกตไหมว่านักวิ่งทั้งหลายมักจะมีรูปร่างผอมบาง นั่นแหละคือผลลัพธ์จากการวิ่ง เพราะขณะวิ่งจะต้องใช้กล้ามเนื้อร่างกาย สะโพก และขาเป็นอย่างมาก ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้ถูกเผาผลาญเสียเยอะข้อแนะนำคือ ขณะออกวิ่งขอให้คุณแกว่งแขนเป็นวงแคบ ๆ ให้ใกล้ตัวคุณเอง อย่าเอียงไปข้างหน้า อย่ายกเท้าให้สูงมาก พยายามยกเท้าให้อยู่ชิดกับพื้นมากที่สุด และวางน้ำหนักของเท้าให้ลงจุดกึ่งกลางของเท้าพอดี แล้วค่อยไล่ขึ้นไปถึงปลายนิ้ว      เคล็ดลับ : หากอยากเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้น ควรออกกำลังกายทั้งช้าและเร็วสลับกันไป หรือลองวิ่งขึ้นไปบนเขาดูสิ



30 นาที เบิร์น 340 แคลอรี่      การกระโดดเชือก หากคุณเพิ่งเริ่มกระโดดเชือก 30 นาทีอาจจะหนักเกินไป ลองกระโดดช้า ๆ สัก 15 นาทีก่อน เมื่อชินแล้วค่อยขยับขึ้นไปเป็น 20-30 นาที ที่สำคัญจำไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องกระโดดให้สูงมากเพราะยิ่งกระโดดสูง แรงกระแทกสู่พื้นจะยิ่งมาก อาจทำให้เข่าได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้น กระโดดต่ำ ๆ ให้เชือกพอลอดผ่านได้จะดีกว่า แต่ถ้ากระโดดเก่งแล้ว อยากเบิร์นแคลอรี่ได้มากขึ้น  ลองกระโดดเชือกแบบเร็ว ๆ ช้า ๆ สลับกัน หรืออาจจะกระโดดเชือกขาเดียวสลับกับสองขาดูก็ได้ แต่ถ้าใครมีความสามารถวิ่งไปด้วยกระโดดเชือกไปด้วย งานนี้แคลอรี่หายไปอีกโขเลยล่ะ



30 นาที เบิร์น 300 แคลอรี่      เล่นฮูลาฮูป รู้ไหมว่านักร้องสาวชื่อดัง "บียอนเซ่" ก็นิยมเล่นฮูลาฮุปเพื่อรักษาเชฟเช่นกัน ฉะนั้น คุณก็ทำเองได้ง่าย ๆ เพียงแค่หยิบห่วงฮูลาฮุปสำหรับผู้ใหญ่ ที่มีน้ำหนักและความแข็งแรงมากกว่าห่วงอันเล็ก ๆ ขึ้นมาแล้วหมุนไปรอบเอว จากเดิมที่ยืนหมุนอยู่กับที่ก็ให้เคลื่อนไปข้างหน้า ทุกครั้งที่ฮูลาฮุปหมุนจะช่วยขจัดแคลอรี่ให้คุณ      เคล็ดลับ : วิธีตรวจสอบว่าฮูลาฮุปของคุณเหมาะกับรูปร่างของตัวเองหรือไม่ เพียงแค่วางฮูลาฮุปให้ตั้งขึ้นข้างหน้าคุณ หากห่วงสูงถึงหน้าอก ก็แสดงว่า ฮูลาฮุปวงนั้นเหมาะกับคุณแล้ว



30 นาที เบิร์น 272 แคลอรี่    เล่นเทนนิส  ไม่จำเป็นต้องชวนเพื่อน หรือเดินทางไปยังคอร์ตเทนนิสคุณก็สามารถเล่นเทนนิสได้ง่าย ๆ เพียงคนเดียว เพียงแค่หาลานโล่ง ๆ ที่มีกำแพง คุณก็สามารถตีลูกเทนนิสโต้ตอบกับมันได้อย่างสนุกสนาน แถมยังเรียกเหงื่อได้ตั้งเยอะ       เริ่มต้นจากให้ยืนห่างจากกำแพงประมาณ 10-25 ฟุต ซึ่งระยะนี้จะทำให้แรงส่งของลูกเทนนิสกระเด้งกลับมาหาได้หนักหน่วงที่จะทำให้คุณออกแรงได้มากพอ จากนั้นคุณก็เสิร์ฟลูกแล้วสนุกกับการเผาผลาญแคลอรี่ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นโฟรแฮนด์ แบ็กแฮนด์ วิ่งไปรับลูก หรือแม้กระทั่งวิ่งไปเก็บลูกที่ตีพลาด ล้วนแต่ช่วยออกกำลังกายทั้งนั้น       เคล็ดลับ : พยายามตีบอลให้ได้ต่อเนื่องกัน 50-100 ครั้ง เพราะการที่คุณตั้งเป้าหมายไว้จะทำให้คุณยิ่งพยายามมากขึ้นเพื่อจะไปได้ถึงเป้าหมายนั้น



30 นาที เบิร์น 221 แคลอรี่       ลุกขึ้นเต้น นี่เป็นวิธีเผาผลาญไขมันที่สนุกอีกวิธีหนึ่ง ลองเลือกเพลงเร็ว ๆ อย่างจังหวะลาติน หรือบอลลีวู้ดมาโยกย้ายส่ายสะโพกตามเพลงดู แต่ห้ามนั่งพักระหว่างเพลงเด็ดขาด แล้วเลือกเพลงที่ค่อยๆเพิ่มความเร็วขึ้น ก่อนจะปิดท้ายด้วยเพลงที่มีจังหวะซอฟท์ลง เพื่อให้เกิดความผ่อนคลาย       เคล็ดลับ : ระหว่างที่เต้นให้ยกแขนขึ้นโบกไปตามเสียงเพลงด้วย จะช่วยให้คุณเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น



30 นาที เบิร์น 170 แคลอรี่       เดินเร็วๆ การเดินทอดน่องคุยกับเพื่อนไม่ได้ช่วยให้คุณลดแคลอรี่ได้ แต่การเดินเร็ว ๆ อย่างกระฉับกระเฉงต่างหากที่จะช่วยเผาผลาญแคลอรี่จากกล้ามเนื้อขา และสะโพก ได้เป็นอย่างดี เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการยืดตัวให้ตรง ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและก้าวยาว ๆ แกว่งมือทั้งสองไปข้างหน้าข้างหลังตามจังหวะ

ออกกำลังกายวันละนิด จิตแจ่มใสนะคะ สำหรับสาวๆ ที่สนใจอยากทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรง ที่ให้ทั้งสุขภาพกายแลสุขภาพจิตที่ดี อย่างโยคะฟลาย และพิลาทิส เรียนชกมวย เรียนเต้นหลากหลายรูปแบบ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการสอน ราคา และตารางการเรียนได้ที่ http://www.sanooklife.com


ที่มา guru.sanook.com


Wednesday, September 3, 2014

เรื่องจริงของการออกกำลังกายที่ควรรู้



ในเรื่องของการออกกำลังกาย ยังมีคำถามมากมายที่เป็นข้อสงสัย บางคำถามมีคำตอบที่ชัดเจน แต่บางคำถามอาจมีคำตอบไม่ชัดเจนแค่อาศัยคำพูดต่อ ๆ กันมา แล้วคำตอบไหนที่เราสามารถเชื่อถือหรือนำไปปฏิบัติได้จริงบ้าง เพราะถ้าเราได้คำตอบที่ถูกต้องจะทำให้การออกกำลังกายของเราได้ผลตามต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญปลอดภัยและสามารถลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี มีตัวอย่างข้อสงสัยที่มักได้ยินบ่อย ๆ มาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกันดังนี้

ความเชื่อ :การออกกำลังกายที่ดีที่สุดควรทำในตอนเช้า

ความจริง : จากการศึกษาพบว่าการออกกำลังกายสามารถทำในช่วงไหนของวันก็ได้ จะได้ผลที่ไม่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าคุณสะดวกและมีช่วงว่างเวลาไหนที่สามารถออกกำลังกายได้ ขอให้มีการออกกำลังกายรวมแล้วอย่างน้อยประมาณ 30 นาทีในแต่ละวันก็สามารถช่วยให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ลงได้


ความเชื่อ : ควรออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพื่อลดไขมันก่อน ก่อนที่จะยกเวทเพื่อกระชับกล้ามเนื้อต่อไป

ความจริง : ผลการวิจัยบ่งชี้ให้เห็นว่า การออกกำลังกายที่เหมาะสม ควรประกอบด้วยการยกน้ำหนักร่วมกับการออกกำลังกายแบบแอโรบิคไปพร้อมๆ กัน โดยการยกน้ำหนัก หรือ weight training จะมีผลช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง กระชับได้สัดส่วนที่สวยงาม นอกจากนี้ผลจากการยกน้ำหนักอีกอย่างหนึ่ง คือ เมื่อร่างกายแข็งแรงและมีมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นจะยิ่งทำให้มีการเผาผลาญแคลอรีมากขึ้นแม้ในขณะพัก ซึ่งสังเกตได้จากคนที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อลดไขมันหรือลดน้ำหนักตัวลงโดยการฝึกแบบแอโรบิคเพียงอย่างเดียว เมื่อหยุดออกกำลังกายไปสักพักน้ำหนักตัวจะกลับขึ้นมาเหมือนเดิม หรือบางคนอาจจะมากกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว เมื่อเริ่มออกกำลังกายใหม่น้ำหนักตัวก็จะลง แต่เมื่อหยุดมันก็จะกลับขึ้นมาอีก น้ำหนักขึ้น-ลงสลับกันไปหรือที่เรียกว่า Yo-yo effect เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ออกกำลังกายแบบยกน้ำหนักร่วมกับแบบแอโรบิคแล้ว น้ำหนักตัวจะไม่เปลี่ยนแปลงกลับขึ้นมาเหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว ซึ่งการออกกำลังกายแบบแอโรบิคจะช่วยในการเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรีส่วนเกินออกไปขณะออกกำลังกายเป็นหลัก นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น ความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และมะเร็งบางชนิด เป็นต้น


ความเชื่อ : ผู้หญิงมักกลัวการออกกำลังกายแบบ weight training เพราะทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นไม่สวยงาม

ความจริง : ฮอร์โมนเพศมีผลอย่างมากในประเด็นนี้ โดยผู้ชายมีปริมาณฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (testosterone) มากกว่าผู้หญิง ซึ่งมีหน้าที่สำคัญในการสังเคราะห์โปรตีน เมื่อผู้ชายออกกำลังกายแบบ weight training อย่างหนัก ฮอร์โมนตัวนี้จะทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนและสร้างกล้ามเนื้อให้มีขนาดใหญ่ขึ้นมา แต่ในผู้หญิงจะมีปริมาณฮอร์โมนนี้ค่อนข้างน้อย โดยจะมีปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน (estrogen) มากกว่า ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่แสดงถึงความเป็นผู้หญิง ไม่ได้ทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนสร้างกล้ามเนื้อแบบเดียวกับฮอร์โมนเพศชาย

จากการศึกษาพบว่าผู้หญิงที่มีระดับฮอร์โมนเพศปกติจะต้องออกกำลังกายแบบ weight training อย่างน้อย 4?6 ชั่วโมงต่อวันถึงจะมีขนาดกล้ามเนื้อที่ใหญ่ขึ้นมาเหมือนคนเล่นกล้าม ซึ่งสำหรับคนทั่วไปก็ยากที่จะออกกำลังกายติดต่อกันได้นานถึงขนาดนั้น แต่ข้อดีสำหรับผู้หญิงที่ออกกำลังกายแบบนี้จะช่วยกระชับสัดส่วนรูปร่างให้สวยงาม นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มอัตราการเผาผลาญของร่างกาย (metabolism)ในการควบคุมน้ำหนัก และเพิ่มความแข็งแรงของกระดูกป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุนที่ผู้หญิงมีความเสี่ยงสูง


ความเชื่อ : การออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพื่อเผาผลาญไขมันควรใช้เวลามากๆ แต่ใช้ความหนักระดับต่ำๆ จึงจะดี

ความจริง : การออกกำลังกายแบบแอโรบิคนั้นร่างกายจะใช้พลังงานทั้งจากคาร์โบไฮเดรต (ในรูปของกลูโคสและไกลโคเจนที่สะสมอยู่ในเลือด ตับ และกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย) และไขมันเป็นหลัก โดยการออกกำลังกายแต่ละครั้งจะใช้พลังงานมากน้อยเพียงใดให้ดูได้จากจำนวนของแคลอรีที่เผาผลาญออกไป ในคนที่ออกกำลังกายเบาๆ แต่นาน เช่น การเดิน 40-45 นาที อาจจะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 200-350 แคลอรี เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่วิ่ง 30 นาที อาจเผาผลาญพลังงานที่ 250-300 แคลอรี ซึ่งต่างกันเพียงเล็กน้อย ดังนั้นอาจไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายเบาๆ แต่นานๆ เพียงอย่างเดียวในการเผาผลาญพลังงานออกไป เมื่อออกกำลังกายได้สักระยะหนึ่งก็จะมีความฟิตแข็งแรงมากขึ้น ดังนั้นการเพิ่มความหนักหรือระยะเวลาในการออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานมากขึ้นตาม หรือถ้าคนที่ฟิตแข็งแรงดีอยู่แล้วสามารถออกกำลังกายในระดับความหนักที่สูงได้ ก็จะส่งผลให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานหรือแคลอรีโดยรวมมากขึ้น ไขมันที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะถูกใช้ไปได้เช่นเดียวกัน


ความเชื่อ : ในการออกกำลังกายแบบ weight training ถ้าต้องการให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นให้ยกช้าๆ แต่ถ้าไม่ต้องการให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ควรยกเร็วๆ

ความจริง : ความจริงแล้วการยกน้ำหนักเพื่อให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นหรือกระชับขึ้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเร็วในการยก แต่จะขึ้นอยู่กับน้ำหนักที่เราออกแรงมากกว่า ตามคำแนะนำของ American College of Sports Medicine (ACSM) ซึ่งเป็นสถาบันที่แนะนำรูปแบบต่าง ๆ ของการออกกำลังกายที่ทั่วโลกยอมรับ ได้กำหนดไว้ว่าถ้าต้องการให้กล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นควรใช้น้ำหนักที่สามารถออกแรงยกได้เพียง 1-6 ครั้งในแต่ละเซต หรือประมาณ 80-100% ของน้ำหนักที่สามารถยกได้สูงสุดเพียงหนึ่งครั้ง (1 Repetition Maximum หรือ 1 RM) แต่ถ้าต้องการให้กล้ามเนื้อกระชับแข็งแรงจะต้องใช้น้ำหนักที่สามารถออกแรงยกได้ประมาณ 12-15 ครั้งในแต่ละเซต หรือประมาณ 650-75% ของน้ำหนักสูงสุดที่สามารถออกแรงยกได้ใน 1 ครั้ง และความเร็วในการยกควรจะสอดคล้องกับจังหวะการหายใจเข้า-ออกมากกว่า โดยให้หายใจออกทางปากช้า ๆ ขณะออกแรงยก และหายใจเข้าทางจมูกขณะผ่อนแรงหรือปล่อยน้ำหนักลง อย่ากลั้นหายใจขณะที่ออกแรง เพราะจะทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นและเป็นอันตรายได้

นพท. ธีรพล หอมสุคนธ์
เรียบเรียงโดย นพ.ปณิธาน ประดับพงษา
วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า


ที่มา www.yaandyou.net

Monday, September 1, 2014

เทคนิคขั้นเทพ ลดน้ำหนักแบบดาราฮอลลีวูด



1. เจสซิก้า ซิมป์สัน 

สาวพลัสไซส์ที่เป็นตัวอย่างที่ดีถึงความจริงในการลดน้ำหนัก ซึ่งบางครั้งสิ่งสำคัญไม่ใช่การลด แต่เป็นการทำอย่างไร ให้น้ำหนักไม่กลับมา สาวเจ้าเนื้อที่กินนิดกินหน่อยก็อ้วนอาจลองใช้สูตร Be Slim

           B-Breakfast กุญแจสำคัญในการเริ่มต้นวันใหม่ จากการสำรวจของ National Weight Control Registry พบว่าคนที่ลดน้ำหนักได้นานนั้นจะกินอาหารเช้าทุกวัน

           E-Exercise จำเป็นอย่างมากต่อการรักษาน้ำหนักในระยะยาวและสุขภาพโดยรวมของคุณ

           S-Support กำลังใจจากคนรอบข้าง และความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ อย่างเช่น เทรนเนอร์ หรือแพทย์

           L-Low-Fat อาหารมื้อเล็ก ๆ ไขมันต่ำ 5-6 มื้อต่อวัน จะช่วยควบคุมความอยากอาหาร และป้องกันการสะสมไขมัน เพราะพลังงานในร่างกายของคุณคงที่มากกว่า

           I-Individual Plan หมายความว่า สูตรไดเอตเป็นของคุณโดยเฉพาะ ไม่ใช่สูตรที่ตามคนอื่น เพราะชีวิตของเราไม่เหมือนกัน หากคุณรีบเร่งทำงานทุกวัน คุณอาจจะเก็บผลไม้ไว้ใกล้ ๆ ตัวยามที่หิวนิดหน่อย เพื่อป้องกันไม่ให้หิวจัดมากเกินไป

           M-Monitoring จับตาดูน้ำหนักและรอบเอวเป็นรายสัปดาห์ หากพบว่าน้ำหนักกำลังจะขึ้น ก็ได้เวลาจัดการแล้วล่ะ




2. นิโคล ริชี่

สำหรับสาวไซส์เล็ก แทนที่จะมุ่งแต่ความผอม จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องให้ระดับ BMI ของคุณอยู่ระหว่าง 22-25 ไม่น้อยกว่านั้น อาจทำได้ด้วยการยกน้ำหนัก เพื่อที่จะเสริมสร้างกล้ามเนื้อไม่ให้มีแต่กระดูกกับเนื้อเหลว ๆ




3. ไทร่า แบงก์ส

สาวโครงใหญ่แต่เกิดซึ่งมีเทคนิคคือ การเลิกกินอาหารบางอย่างที่รู้ว่าไม่ดี (เช่น กินสลัด แต่กินกับหมูสามชั้น) การกินอาหารที่ดีนั้นเริ่มต้นที่การหลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ และอาหารทอด แต่หันมากินเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ ซึ่งดีต่อสุขภาพและอิ่มมากกว่าด้วย




4. นิโคล คิดแมน

The South Beach Diet คล้ายกับ Atkins Diet ซึ่งเน้นที่การควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต จริงอยู่ที่ "คาร์โบไฮเดรตดี" ได้รับอนุญาต แต่คุณก็ต้องบอกลา มันฝรั่ง ผลไม้ ขนมปัง ซีเรียล พาสต้า ข้าวหัวบีต แครอท และข้าวโพดเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์

ใน 14 วันแรกของที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นกินไม่ได้ และคุณก็จะต้องไม่จิบเบียร์ ไวน์ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยสามารถกินนมไขมันต่ำ โยเกิร์ตโลว์แฟตได้วันละ 2 หน่วยบริโภค ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกอยากคาร์โบไฮเดรตมาก ดังนั้น ต้องระวังให้ดี

ช่วงต่อมา คุณสามารถกินแป้งได้บางอย่าง เช่น แครอท ผลไม้ ห้ามกินข้าวขาว กินได้แต่ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีท แต่จำกัดจำนวน กินไปเรื่อย ๆ จนกว่าคุณจะถึงน้ำหนักที่เป็นเป้าหมาย

ช่วงสุดท้าย คือการรักษาระดับน้ำหนักตลอดชีวิต พยายามหลีกเลี่ยงคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการแปรรูป ของเหล่านี้จะทำให้คุณอยากกินแป้งมากขึ้นต่างหาก

อย่างไรก็ดี การไดเอตแบบนี้ในสัปดาห์แรก คุณจะลดน้ำหนักได้อย่างมาก และอาจสูญเสียอิเล็กโทรไลด์ในร่างกายได้ ดังนั้น ดื่มน้ำเยอะ ๆ เข้าไว้ ทางที่ดีหากสนใจการไดเอตชนิดนี้ ควรปรึกษาแพทย์




5. เจนนิเฟอร์ อนิสตัน

 The Zone Diet  เจ้า "โซน" ที่ว่านี้คือโซนซึ่งเรารู้สึกว่าเราสดใส กระปรี้กระเปร่า และมีสุขภาพดี สาวเจนทำตามสูตรไดเอตนี้ ซึ่งเชื่อว่าให้มากกว่าการลดน้ำหนัก เริ่มจากการกินโปรตีน 30% ไขมันไม่อิ่มตัว 30% และคาร์โบไฮเดรตเชิงช้อน 40% ที่จะช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ พร้อมทั้งป้องกันโรค เช่น โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง และเบาหวาน สิ่งที่เขาพูดถูกก็คือ การไดเอตโดยไม่กินคาร์โบไฮเดรต หรือไขมันนั้นเป็นเรื่องที่ผิดเสียมาก ๆ และอาจจะเพิ่มความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งเสียด้วยซ้ำ สิ่งที่คุณควรกิน (โดยไม่คำนึงถึงสัดส่วน 30-30-40) ก็คือ

           โปรตีนทุกมื้อ หมายถึง ในหนึ่งมื้อต้องมีโปรตีนไขมันต่ำขนาดประมาณฝ่ามือของคุณ รวมถึงมื้อว่างหลังเที่ยงและตอนเย็นควรกินไข่ขาวเท่านั้น

           คาร์โบไฮเดรต ขนาด 2 เท่าของโปรตีน ประเด็นอยู่ที่คาร์โบไฮเดรตควรมาจากพืช เช่น ถั่ว ข้าวกล้อง หรือผลไม้ชนิดอื่น ๆ รวมถึงน้ำผลไม้ทุกชนิด

           ไขมัน น้อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งควรจะมาจากน้ำมันมะกอก น้ำมันคาโนลา ถั่ว

           หลีกเลี่ยง ข้าวขาว ขนมปังขัดสี พาสต้า

และเธอยังเป็นคนที่รักการฝึกพิลาทีส อย่างเป็นชีวิตจิตใจอีกด้วย "I'm a PILATES person.It's great.I had hip problem.I had a chronic back,pinched nerves and a hip problem and it's a completely solved all of it.I love it.It's makes me feel like I'm taller"- Jennifer Anniston




6. ลีแอนน์ ไรมส์

ดาราสาวที่ลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังอย่างเดียว แต่การออกกำลังจะไม่ช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้หรอก หากไม่ลดแคลอรี่ สิ่งสำคัญคือการสลับหนักเบาเวลาออกกำลังด้วย




7. อแมนด้า ไซฟรีด

5 Factor Diet กลับไปสู่เรื่องที่เราเรียนตอนเด็ก ๆ คืออาหารแต่ละมื้อควรประกอบไปด้วยสารอาหารอย่างน้อย 5 หมวดหมู่ แต่สูตรนี้ต่างกันตรงที่ 5 หมวดหมู่นี้ได้แก่ โปรตีน คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ไฟเบอร์ ไขมัน และของเหลว พร้อมกันนี้ยังหมายถึง 5 มื้อเล็กๆ ต่อวัน โดยแต่ละมื้อใช้ส่วนผสมไม่เกิน 5 ประเภท ใช้เวลาเตรียมของไม่เกิน 5 นาที และปรุงไม่เกิน 5 นาที ทริกอยู่ที่การเลือกอาหาร ซึ่งมีดัชนีน้ำตาลต่ำ และลดปริมาณแคลอรี่ที่กินต่อวันลงเสีย 30%

นอกจากการกินแล้วยังประกอบไปด้วยการออกกำลัง 5 วัน/สัปดาห์ ซึ่งทำกายบริหารได้ครั้งละ 5 ท่า ท่าละ 5 นาที ซึ่งอาจจะสลับกับวันที่คุณออกกำลังแบบคาร์ดิโอ และมีโบนัสพิเศษคือ คุณจะทำอะไรก็ได้ 1 วัน/สัปดาห์ ข้อเสียก็คือ คุณอาจจะไม่เห็นผลเร็วนัก แต่ทำได้ตลอดชีวิต

แม้ปัจจุบันจะมีเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาช่วยในการลดน้ำหนักอย่างมากมาย แต่เชื่อเถอะว่า ไม่มีวิธีไหนที่จะประหยัด ปลอดภัย ได้ผลและยั่งยืนเท่ากับการออกกำลังกายอีกแล้วคะ

สาวๆ สามารถเลือกออกกำลังกายง่ายๆ ด้วยการวิ่ง เดินเร็ว ว่ายน้ำ และเต้นแอโรบิค สำหรับคนที่สนใจอยากทดลองออกกำลังกายด้วยกีฬาน้องใหม่มาแรง ที่ให้ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี อย่างโยคะฟลาย Yoga fly และพิลาทิส Pilates สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวการสอน ราคา และตารางการเรียนได้ที่ http://www.sanooklife.com หรือโทรสอบถามข้อมูล 081-6600864

The First upside-down
Yoga fly with friend
Pilates Group class

ที่มา health.kapook.com