Monday, September 30, 2013

การออกกำลังกาย ให้เซ็กซี่…ดูดี ไร้ที่ติ


ลืมเรื่องการไปโรงยิมได้เลย เพราะการออกกำลังกายเป็นประจำให้คุณได้มากกว่าการมีหุ่นดี เลือกสักชนิดที่เหมาะกับคุณและทำให้คุณรู้สึกมั่นใจ มีพลัง ผ่อนคลาย และที่สำคัญช่วยให้ดูเซ็กซี่!


กลุ่มแรก การออกำลังกายกลางแจ้งที่จะช่วยให้คุณได้สูดอากาศบริสุทธ์ มีอารมณ์ร่าเริง แจ่มใส 

เดินป่า “การเดินขึ้นเขาและภูมิประเทศที่สมบุกสมบันช่วยให้หุ่นดีกระชับ” แม็ทท์ โรเบิร์ต ผู้เชี่ยวชาญด้านฟิตเนสของ Health plus กล่าวว่าการได้ไปเห็นโลกภายนอก ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ ลองมองหาเพื่อนไปเดินป่าร่วมกันถ้าไม่อยากไปคนเดียว นอกจากนี้ยังช่วยให้กล้ามเนื้อขา ต้นขา สะโพกแข็งแรงดีต่อการทำงานของหัวใจและปอด ช่วยให้ความหนาแน่นของกระดูกเพิ่มขึ้น และไม่ทำให้เกิดแรงกดที่ข้อต่อมากเกินไป

ขี่ม้า การขี่ม้าจัดเป็นแอโรบิคแบบเบาๆ ทำให้หัวใจและปอดแข็งแรง ขณะเดียวกันยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึงชั่วโมงละ 300 แคลอรี่ ทำให้กล้มเนื้อขา ต้นขา และท้องแข็งแรง ช่วยให้ท่วงท่าบุคลิกดี เกิดความสมดุล ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว อวัยวะต่างๆ ทำงานสัมพันธ์กัน

ปีนเขา หนึ่งในกิจกรรมผจญภัยที่น่าลอง นอกจะทำให้ได้เหงื่อแล้ว ยังช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรง ร่างกายกระฉับกระเฉงว่องไว



กลุ่มที่สอง การออกกำลังกายที่จะทำให้คุณดูเซ็กซี่ และมีความสุขมากขึ้น

ระบำหน้าท้อง โจเซฟีน ไวส์ ครูสอนเต้นรำกล่าวว่า “รูปร่างของคุณไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ถ้าคุณรู้ตัวว่าหุ่นหนาเทอะทะก็ให้สวมกระโปรงยาวช่วยปกปิด การแสดงออกถึงความเป็นตัวของตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของการเต้นรำชนิดนี้ ดังนั้นผู้หญิงแต่ละคนจึงสามารถแสดงจุดดีที่สุดของตัวเองออกมาได้ง่าย สามารถปลดภาพลักษณ์ภายนอกที่ไม่ใช่ตัวตนแท้จริงของตัวเองทิ้งไป ท่าทางเคลื่อนไหวดูเซ็กซี่ และเป็นการดีที่ได้ยักย้ายส่ายก้อนไขมันส่วนเกินที่พอกพูนตามร่างกาย” โดยระบำหน้าท้องนั้นมีส่วนช่วยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนกระชับและแข็งแรง อวัยวะทุกส่วนของร่างกายทำงานสัมพันธ์กันดียิ่งขึ้น และกล้ามเนื้อหลังแข็งแรง

เต้นโยกเสา อันนี้เป็นกิจกรรมออกกำลังกายรูปแบบใหม่ การเต้นประเภทนี้ทำให้ผู้เต้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 250 แคลอรี่ต่อชั่วโมง และยิ่งเต้นเป็นประจำจะยิ่งทำให้กล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกายแข็งแรง และมีรูปร่างสมส่วนมากขึ้น สิ่งที่ได้รับจากการเต้น คือ การได้เต้นอย่างท้าทายด้วยการใช้กล้ามเนื้อกระโดดขึ้นไปบนเสา ห้อยหัวลงมา หรือโยนตัวหมุนไปรอบๆ คละเคล้าเสียงเพลงที่ดังกระหึ่มอย่างสนุกสนาน ผลที่ได้รับคือรูปทรงองค์เอวที่สวยงามและมีเสน่ห์

การเต้นแบบซัลซ่า เป็นการเต้นแบบละตินอเมริกันที่เปลี่ยนความอายของคุณมาเป็นท่าเต้นที่ดูเก๋ไก๋และสง่างาม



กลุ่มที่สาม การออกกำลังกายที่ช่วยให้คุณหลีกหนีความเครียดในชีวิตได้เป็นอย่างดี

ไทชิ ถือกำเนิดขึ้นในศตวรรษที่ 13 โดยพระภิกษุชาวจีน ไทชิมีพื้นฐานจากทฤษฏีที่ว่าด้วยความแข็งแรงของสุขภาพ จิตใจ และอารมณ์ต้องสมดุล จุดมุ่งหมายของไทชิคือ การแทนที่พลังด้านลบด้วยพลังด้านบวกโดยใช้ศิลปะการต่อสู้เคลื่อนไปในจังหวะช้าๆ ควบคุมกระบวนท่า ผู้ที่ฝึกเชื่อว่าไทชิทำให้เกิดความก้าวหน้า เพราะจิตใจมีสมาธิจดจ่อกับงาน สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนักส่วนเกิน หรือเผาผลาญไขมัน การออกกำลังด้วยการฝึกไทชิไม่ใช่คำตอบ แต่ถ้าต้องการให้ร่างกายแข็งแรง เกิดความสมดุล จิตใจสงบ และอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทำงานสอดประสานกัน ไทชิช่วยได้

ตีกอล์ฟ นี่อาจไม่ใช่กีฬาที่สร้างความหงุดหงิดหรือก่อให้เกิดอาการหอบแฮ่กๆ แต่การได้ไปออกรอบและจดจ่ออยู่กับวงสวิงจะช่วยให้จิตใจสงบนิ่งและมีสมาธิ เป็นกีฬาที่ก่อให้เกิดสมดุลทางจิตวิญญาณมากจนผู้เชี่ยวชาญอย่าง ดีพัค โชปรา ถึงกับเขียนหนังสือเกี่ยวกับประโยชน์ของการเล่นกอล์ฟ “สีเขียวของสนามกอล์ฟทำให้รู้สึกสดชื่น ขณะที่การควบคุมเกมถือเป็นบทเรียนของ การเติบโตและพัฒนาในฐานะที่เป็นมนุษย์ หัวใจสำคัญของการควบคุมเกมไม่ได้หมายถึงการมีทักษะการเล่นที่เก่ง แต่เป็นการเรียนรู้ถึงความมุ่งมั่นและความอดทน” สำหรับประโยชน์ต่อร่างกายนั้น การเคลื่อนไหววงสวิงช่วยให้กล้ามเนื้อแขนและเอวกระชับแข็งแรง      

โยคะ นี่คือวิธีกำจัดความเครียดชั้นยอด มีท่าให้เลือกมากมาย ฮาธา (Hatha) เป็นหนึ่งในท่าคลาสสิก ขณะที่ท่าสิวานันดา (Sivananda) จะเริ่มต้นด้วยการหายใจเพื่อฝึกความสงบนิ่ง จากนั้นจึงเข้าสู่การทำท่วงท่านั้นซ้ำๆ



กลุ่มที่สี่ การออกกำลังกายที่มีพื้นฐานมาจากการต่อสู้เป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจตัวเอง

เทควันโด ศิลปะการต่อสู้ที่รวมเอาการต่อย การป้องกัน การจู่โจม และการเตะเข้าด้วยกันเป็นท่าชุดที่มีจังหวะลีลา สามารถเล่นเป็นงานอดิเรกหรือเพื่อให้เกิดความฟิต บางคนเล่นจริงจังมากจนจบระดับขั้นต่างๆ นอกจากจะมีประโยชน์ด้านการป้องกันตัว ยิ่งมีความตั้งใจมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งทำให้จิตใจเกิดสมาธิมากขึ้น ส่วนประโยชน์ต่อร่างกาย คือ ช่วยให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยเสริมสร้างความยืดหยุ่น ความว่องไว กล้ามเนื้อแข็งแรง และช่วยให้การทำงานระหว่างมือและสายตาประสานกัน

คาราเต้ เป็นที่รู้กันดีว่าคาราเต้คือศิลปะการต่อสู้ ชั้นเรียนคาราเต้ประกอบด้วยการยืดกล้ามเนื้อแขน ขา การเตะ การต่อย การป้องกันและการต่อสู้กับคู่ซ้อม การต่อสู้ป้องกันตัวไม่เพียงแต่จะทำให้เกิดความมั่นใจเท่านั้น แต่การฝึกฝนจนผ่านระดับขั้นสายต่างๆ ยังนำมาซึ่งความรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จ และนอกจากจะทำให้เกิดความว่องไวแล้ว คาราเต้และท่าทางเคลื่อนไหวที่เข้มแข็งช่วยให้กล้ามเนื้อทุกส่วนกระชับและ ร่างกายแข็งแรง ช่วยให้หน้าท้องแบนราบ กล้ามเนื้อขาและแขนแข็งแรง

ที่มา: www.health2shape.com


วันหยุดเฮฮา ตามประสาคนรัก


สำหรับคนรักกัน นอกจากการดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันแล้ว การมีเวลาให้กัน และการได้ทำกิจกรรมดีๆ ร่วมกัน เป็นสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มความรักให้สวยงาม สมบูรณ์

สำหรับคู่รักที่ยังไม่รู้ว่าวันว่างๆ จะทำอะไรดี ไม่รู้จะไปไหน ไม่อยากแค่ดูหนัง ฟังเพลง หรือทานข้าวแบบธรรมดา วันนี้เรามีกิจกรรมสนุกๆ ในวันว่างๆ สำหรับคู่รักมาฝากกันคะ



ตะลุยชิมอาหาร สำหรับคนที่รักการกิน ลองหาร้านเด็ดๆ ที่มีคนพูดถึงเยอะแถวใกล้ๆ บ้าน หรือลองหารายชื่อร้านอาหารเด็ดๆ จากในเว็บไซต์ นิตยสาร หรือหนังสือท่องเที่ยว แล้วเขียนชื่อร้านที่ตัวเองชอบลงบนกระดาษ จากนั้นวันเสาร์-อาทิตย์ก็ลองชวนแฟน หรือเพื่อนไปลองตะลุยชิมอาหารทั้งของคาวหวานให้ฉ่ำใจ รับรองได้ทั้งความสนุก อิ่มท้อง และอิ่มใจ


เที่ยวตลาดน้ำวันหยุด หากอยากสัมผัสบรรยากศแบบบ้านๆ กินอาหารพื้นเมืองโบราณ ดูศิลปะงานฝีมือสวยจากชาวบ้านแล้วละก็ ไม่ควรพลาดไปเที่ยวชมตลาดน้ำ ในบ้านเรามีตลาดน้ำหลายที่ หลากหลายสไตล์ เริ่มจากในกรุงเทพ ตลาดน้ำใจกลางเมืองหลวง ตลาดน้ำตลิ่งชัน เป็นตลาดน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติ และวิถีชีวิตชาวบ้านริมน้ำ สองฝั่งคลอง ที่แวดล้อมไปด้วยสวนกล้วยไม้ สวนผัก และผลไม้พื้นบ้านไว้ได้อย่างครบถ้วน ไม่ห่างกันมากนัก ก็จะมี ตลาดน้ำคลองลัดมะยม เป็นตลาดน้ำขนาดเล็กที่ยังมีความสมบูรณ์ในความเป็นธรรมชาติ แม่น้ำลำคลองที่นี่ยังคงความสวยงาม ตลาดน้ำแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือกันในชุมชน ในรูปแบบการท่องเที่ยวเพื่ออนุรักษ์แม่น้ำลำคลอง โดยให้ชุมชนมีแหล่งจำหน่ายผลิตภัณฑ์พื้นบ้าน เช่น ผัก ผลไม้ ขนมคาวหวาน และงานหัตถกรรมที่สือทอดกันมาหลายอายุคน หากอยากออกไปนอกเมืองหน่อย ก็ลองขับรถไปแถวนครปฐม มีตลาดน้ำดอนหวาย ตลาดที่ยังคงสภาพตลาดเก่าในอดีตสมัยรัชกาลที่ 6 ลักษณะตัวอาคารเป็นอาคารไม้เก่าๆ อยู่ติดริมแม่น้ำท่าจีน มีพ่อค้า แม่ค้า นำสินค้าและอาหารมาจำหน่ายในบริเวณวัด มีตลาดนัดสินค้าทางการเกษตรที่วัดดอนหวายทุกวัน แถมมีบริการเรือนำเที่ยวชมทัศนียภาพ 2 ข้างทางอีกด้วย ส่วนทางสมุทรปราการก็จะมีตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ที่นี่เต็มไปด้วยความเรียบง่ายของผู้คนริมสองฝั่งคลอง นอกจากมีการขายสินค้า อาหารแล้ว ที่นี่ยังมีบริการพายเรือท่องเที่ยวชมคลองบางน้ำผึ้ง ปั่นจักรยานสัมผัสชีวิตชาวบ้านและธรรมชาติอย่างใกล้ชิด ชมการสาธิตทำธูปหอม และเที่ยวสวนเกษตร ตลาดน้ำอีกแห่งหนึ่งที่น่าไปเที่ยวคือ ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำที่ขึ้นชื่อมากในตอนนี้ มีพ่อค้าแม่ค้าพายเรือขายอาหาร และเครื่องดื่ม เช่น หอยทอด ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวานต่างๆ และมีรถเข็นขายของบนบกด้วย บรรยากาศสบายๆ มีเพลงฟังจากเสียงตามสายของชาวชุมชน สามารถเดินเที่ยวชมตลาดหาซื้ออาหารรับประทานและเช่าเรือไปเที่ยวชมดูหิงห้อยในยามค่ำคืนได้อีกด้วย สำหรับคนที่สนใจ อยากเที่ยวตลาดน้ำวันหยุด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่


ปั่นจักรยานรอบกรุง ทางกรุงเทพมหานครมี โครงการปั่นจักรยานรอบเกาะรัตนโกสินทร์ หรือ Green Bangkok Bike  มีบริการจักรยานให้ยืมฟรี เพียงแค่ยื่นบัตรประจำตัวประชาชน ก็สามารถนำจักรยานมาปั่นเล่นชมเมือง โดยมีสถานีจอดรถจักรยานให้บริการทั้งหมด 8 จุด ได้แก่ 1. หน้ากองการท่องเที่ยว ถนนพระอาทิตย์ สวนสันติชัยปราการ 2. เกาะกลางวัดบวรนิเวศ ถนนสิบสามห้าง 3. ท่าเตียน 4. สวนสราญรมย์ 5. ลานคนเมืองหน้าศาลาว่าการกทม. 6. สนามหลวง 7. หน้าวัดพระแก้ว 8. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ ระหว่างทางที่ปั่นนั้นก็จะเห็นทั้งวัดวาอาราม พระราชวังที่สวยงาม สถานที่เก่าแก่ของกรุงเทพ เช่น ลานพลับพลาเจษฎาบดินทร์ จากจุดนี้เองจะเห็นโลหะปราสาท ตั้งตระหง่านมีฉากหลัง เป็นพระบรมรูปรัชกาลที่ 3 ด้านซ้ายเป็นป้อมมหากาฬและกำแพงพระนคร ริมป้อมเป็นคลองรอบกรุง ไกลออกไปเป็นภูเขาทอง หากเป็นช่วงเวลากลางคืนก็จะสวยงาม เพราะมีการประดับไฟส่องสว่าง นอกจากนี้ยังจะได้เห็นเสาชิงช้า วัดสุทัศน์ วัดราชบพิธฯ กระทรวงกลาโหม ซึ่งหน้ากระทรวงจะมีปืนใหญ่ หนึ่งในนี้คือนางพญาตานี ปืนใหญ่ที่สวยที่สุดด้วย ศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว สวนสราญรมย์ วัดอรุณ วัดโพธิ์ สนามหลวง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พิพิธภัณฑสถานแห่งขาติพระนคร หรืออดีตวังหน้า ป้อมพระสุเมรุ สำหรับกิจกรรมนี้ นอกจากคู่รักจะได้ชมสถานที่สวยๆ สำคัญๆ ของกรุงเทพแล้ว ยังเป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้ศิลปะ และประวัติศาสตร์ของไทยอีกด้วย ที่สำคัญคือ ได้ออกกำลังกายคะ สำหรับผู้ที่สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กองการท่องเที่ยว กทม. โทร. 0 2225 7612-5


นั่งรถ ล่องเรือเที่ยวรอบเมือง กิจกรรมสำหรับคนในเมืองหลวง ไม่จำเป็นต้องขับรถเองให้เสียเหงื่อ เปลืองน้ำมัน และเสียอารมรณ์ ลองใช้บริการขนส่งมวลชนดู พกกล้องถ่ายรูปดีๆ ติดตัวไปด้วย เอาไว้ถ่ายรูปข้างถ่าย จากนั้นนั่งรถเมลล์สาย 503 59 จากอนุสาวรีย์ฯ มาลงสนามหลวง ไหว้ศาลหลักเมือง เที่ยววัดพระแก้ว เดินมาท่าพระจันทร์ มีอาหารคาวหวานเพียบ สามารถซื้้อกินตามชอบใจ จากนั้นข้ามเรือไปฝั่งวังหลัง เที่ยวพิพิธภัณฑ์ในศิริราช เดินเล่นดูของมือสองตลาดวังหลัง เดินมาไหว้พระที่วัดระฆัง ให้อาหารปลา ข้ามเรือกลับมาท่าช้าง นั่งรถเมล์สาย 53 ลงวัดโพธ์ ไหว้พระวัดโพธิ์ มิวเซียมสยาม ข้ามไปฝั่งวัดอรุณ ไหว้พระวัดอรุณ ข้ามกลับมา นั่งเรือด่วนจากท่าเตียน ไปลงเอเชียทีค เดินเที่ยวช่วงเย็นๆ ค่ำๆ นั่งรถเมล์สาย 1 มาเยวราช หามื้อเย็นทานแถวเยาวราชพอหิวๆ ก็หาอาหารอร่อยๆ


ไหว้พระกับขสมก. สำหรับคู่รักที่รักการทำบุญ อยากทำบุญร่วมชาติ ตักบาตรร่วมขัน ไม่ควรพลาดกิจกรรมนี้ ทางขสมก. ได้จัดกิจกรรม "ไหว้พระ 9 วัดกับขสมก." มีโปรแกรมไหว้พระกว่า 20 โปรแกรมให้เลือก สามารถไปแบบเช้าไปเย็นกลับ ในแต่ละโปรแกรมจะผสมผสานวัดดังๆ ที่เป็นที่รู้จัก กับวัดที่ต้องการทุนทรัพย์ในการพัฒนา หรือปฏิสังขรณ์ และที่ขาดไม่ได้เลยคือ จะแทรกด้วยวัดที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อขอโชคขอลาภ เช่น ศาลนางไม้ ศาลเจ้าแม่ตะเคียนทอง จนไปถึงศาลคุณพุ่มพวง ดวงจันทร์ ราชินีลูกทุ่งไทย สำหรับคนที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่


ล่องเจ้าพระยาพาเพลิน เที่ยวทางบกกันไปแล้ว ลองมาเที่ยวทางน้ำกันบ้าง รถไฟฟ้าบีทีเอส จับมือกับ บริษัทเรือด่วนเจ้าพระยา บริษัทให้บริการ เดินเรือโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร จัดโปรแกรม "เรือท่องเที่ยวเจ้าพระยา" พาเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ เช่น วัดโพธิ์ วัดอรุณ ตลาดท่าเตียน ปากคลองตลาด ถนนข้าวสาร สนามหลวง เป็นต้น เริ่มต้นการเดินทางจากท่าเรือสาทร (ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าบีทีเอสที่สถานีสะพานตากสิน) ล่องแม่น้ำเจ้าพระยา จอดรับส่งตลอดลำน้ำไปถึงท่าเรือพระอาทิตย์ทั้งสิ้นรวม 8 ท่าเรือและล่องกลับมายังท่าเรือสาทรอีกครั้งตามเส้นทางเดิม โดยนักท่องเที่ยวสามารถขึ้น-ลง ตามท่าเรือเพื่อไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ได้ตลอดเส้นทางเดินเรือ สำหรับคนที่สนใจสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่


นั่งรถไฟไปต่างจังหวัด หลายคนอาจมองว่าการนั่งรถไฟ เป็นการเดินทางที่ช้า เนิบนาบ แต่สำหรับคู่รักแล้ว การเดินทางโดยรถไฟ เป็นโอกาสดีที่จะได้นั่งสวีตกันนานๆ ได้ชมธรรมชาติข้างทาง ผลัดกันถ่ายรูป และได้คุยกันแบบนานๆ และเพลินๆ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเส้นทาง ไม่ต้องเมื่อยล้ากับการขับรถ หรือกังวลว่ารถจะเสีย น้ำมันจะหมด ที่สำคัญคือ ประหยัดกว่าการเดินทางโดยเครื่องบิน รถโดยสาร และรถส่วนตัว โดยสามารถนั่งไปรถไฟไปจังหวัดใกล้ๆ เที่ยวชมตัวเมือง นอนค้างสักคืนสองคืนแล้วค่อยกลับบ้าน หรือนั่งไปไกลๆ ก็แล้วแต่ความสะดวกของแต่ละคู่


ฝึกขี่ม้า หากอยากสวีตและได้ประโยชน์ต่อร่างกาย และพัฒนาบุคคลิกภาพไปพร้อมๆ กัน การฝึกขี่ม้าก็น่าสนใจไม่น้อยเลย เชื่อไหมคะว่า การขี่ม้าจัดเป็นแอโรบิคแบบเบาๆ ทำให้หัวใจและปอดแข็งแรง ขณะเดียวกันยังช่วยเผาผลาญแคลอรี่ได้ถึงชั่วโมงละ 300 แคลอรี่ ทำให้กล้มเนื้อขา ต้นขา และท้องแข็งแรง ช่วยให้ท่วงท่าบุคลิกดี เกิดความสมดุล ปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็ว อวัยวะต่างๆ ทำงานสัมพันธ์กัน ในเมืองไทยมีสถานที่ฝึกขี่ม้าอยู่หลายที่ เริ่มจากในกรุงเทพ สามารถเรียนขี่ม้ากับชมรมขี่ม้าทหารม้ารักษาพระองค์ หรือ ม.พัน 29 อยู่บริเวณสนามเป้า ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่ ส่วนที่เชียงใหม่ เรียนขี่ม้าได้ที่ กองพันสัตว์ต่าง กรมการสัตว์ทหารบก (ค่ายตากสิน) ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่


โรแมนติกริมทะเล เมืองไทยมีทะเลสวยเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหมู่เกาะสุรินทร์ หมู่เกาะอ่างทอง เกาะรอก เกาะเสม็ด เกาะกูด เกาะช้าง เกาะพีพี เกาะสมุย เกาะพงัน ไม่ควรพลาดที่จะพาแฟนไปสวีตท่ามกลางสายลม แสงแดด และน้ำทะเลสีฟ้า นอกจากจะเดินเล่นแถวชายหาด กินลม ชมวิว ว่ายน้ำ อาบแดดแล้ว ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้คู่รักได้สวีตอีกมากมาย เช่น ปืนเขา ล่องเรือชมเกาะ ดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น พายเรือคายัค บานาน่าโบ๊ท กระดานโต้คลื่น พาราเซล เจ็ทสกี วอลเลย์บอลชายหาด ขี่ม้าริมหาด สปาทราย เป็นต้น


เดินป่า ล่องแพ กิจกรรมนี้นอกจากจะทำให้คู่รักได้สัมผัสกับธรรมชาติที่สวยงาม ได้สวีตท่ามกลางขุนเขา และสายหมอก ได้ตื่นเต้นสนุกสนาน ผจญภัยกับการล่องแพแล้ว ยังเป็นการฝึกความอดทน เป็นโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้นิสัยของแต่ละฝ่ายเมื่อเจอกับความยากลำบาก รักกันจริงหรือหลอกดูได้จากการช่วยเหลือกันตอนไปเดินป่านี่แหละคะ คนรักของเราจะมีน้ำใจช่วยเหลือเราแค่ไหน ปล่อยให้เราเดินขึ้นเขาคนเดียวหรือไม่ เดินแบบรอเราหรือตัวใครตัวมัน ดูแลเราเมื่อเราเหนื่อย กระหายน้ำ หรือปล่อยให้เดินไปดื่มน้ำที่น้ำตกเอง หากอยากรู้คำตอบว่าคนรักของคุณเป็นแบบไหน ก็ลองหาวันว่างๆ ชวนกันไปเดินป่าดูนะคะ มีสถานที่แนะนำหลายที่ ได้แก่ เชียงใหม่แถวแม่ริมและแม่แตง มีเดินป่า ขี่ช้างล่องไพร และล่องแพ หรือที่ภูกระดึง ได้เดินป่าศึกษาสมุนไพร และดอกไม้นานพรรณ เช่น ระดุมเงิน กระดุมทอง เอื้องม้าวิ่ง สรัสจันทร หงอนนาค เป็นต้น อีกสถานที่หนึ่งที่น่าสนใจคือ ตาก มีเดินป่าอุ้มผาง เป็นป่ามีทั้งป่าดงดิบและป่าผลัดใบ รวมทั้งทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่ามากมาย และพร้อมชม น้ำตก " ทีลอซู " น้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงามสุด ๆ ของไทยแห่งหนึ่ง


แคมป์ไฟ หากอยากหลบจากเมืองอันวุ่นวาย มาพักผ่อนอยู่อย่างเงียบๆ ในบรรยากาศงามๆ ท่ามกลางป่าเขา สาวๆ ควรชวนคู่รักมานอนตั้งแคมป์ไฟสักคืนสองคืน แนะนำที่ ภูสอยดาว ได้ชมทั้งธรรมชาติสวยๆ ทุ่งหญ้าทิวสนและดอกหงอนนาคสีม่วงอ่อน พร้อมเล่นน้ำตกเย็นฉ่ำ กิจกรรมนี้เปิดโอกาสให้คู่รักได้ดูแลและช่วยเหลือกันอย่างแท้จริง เพราะในป่านั้นไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวก ทุกอย่างต้องทำเอง เริ่มจากตั้งเต้นท์ ก่อไฟ ทำอาหาร กิจกรรมนี้พิสูจน์ได้หลายอย่างเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเป็นผู้นำ การเป็นผู้ตามที่ดี ความอดทน การดูแลเอาใจใจซึ่งกันและกัน งานนี้จะรู้ว่าผู้ชายสามารถเป็นที่พึ่งให้ผู้หญิงได้หรือไม่ มีความเป็นผู้นำมากน้อยแค่ไหน สามารถแก้ปัญหาในยามขับขันได้มากน้อยเพียงใด และผู้หญิงจะอยู่เคียงข้างช่วยเหลือผู้ชายในยามลำบาก หรือเอาแต่บ่น ก็ลองดูกันคะ


โหนสลิงเหนือผืนป่า กิจกรรมนี้เป็นที่นิยมอย่างมากในต่างประเทศ ให้ทั้งความสนุกสนานตื่นเต้น ในเมืองไทยมีที่โหนสลิง หรือ Zipline อยู่หลายที่ เริ่มจากใกล้ๆ กรุงเทพมี Flight of the Gibbon ผจญภัยเหินเวหาที่สูงที่สุดในเมืองไทย มีฐานกิจกรรมทั้งหมดกว่า 24 ฐาน และยังสามารถเที่ยวชมสัตว์ป่าและพันธุ์ไม้นานาชนิด ตลอดการเดินทาง สำหรับที่เชียงใหม่มี Eagle Track Zipline ตั้งอยู่บริเวณม่อนแจ่ม อำเภอแม่ริม โหนลวดสลิงกลางอากาศผ่านทุ่งนาขั้นบันได ป่า และน้ำตก ตื่นตาตื่นใจไปกับทิวทัศน์สวย ๆ ของม่อนแจ่ม


บันจี้จัมพ์ เป็นกีฬาที่ผู้เล่นจะต้องกระโดดลงมาจากที่สูงโดยมีเชือกยึดไว้ โดยทั่วไปจะกระโดดลงมาจากสถานที่ที่เคลื่อนที่ไม่ได้ เช่น สะพาน อาคารสูง เป็นต้น แต่บางครั้งก็สามารถกระโดลงมาจากอากาศยานอย่างบอลลูนหรือเฮลิคอปเตอร์ได้เช่นกัน คู่รักที่ชอบความตื่นเต้น หวาดเสียว ควรทำกิจกรรมนี้ร่วมกัน เชื่อแน่ว่าจะทำให้คู่รักมีรอยยิ้มทุกครั้งเมื่อหวนนึกถึงการทำกิจกรรมนี้ด้วยกันมาก่อน ในเมืองไทยมีสถานที่เล่นบันจี้จัมพ์อยู่หลายที่ ได้แก่ ที่พัทยา มีผู้ใหบริการบันจี้จัมพ์ 2 ราย คือ Jungle Bungy Jump และ Pattaya Kart Speed Way ด้านเกาะสมุย มีผู้ให้บริการ 1 ราย ที่อ่าวเฉวง Samui Bungee Jumping โดยกระโดดที่ความสูง 50 เมตรเหนือระดับน้ำทะเลของอ่าวเฉวง ส่วนภูเก็ตมีผู้ให้บริการ 2 ราย คือ Jungle Bungy Jump ที่หาดกระทู้ โดยกระโดดจากความสูง 50 เมตรเหนือน้ำทะเล และ World Bungy ที่หาดป่าตอง โดยเป็นที่กระโดดบีนจี้จัมพ์ที่สูงที่สุดในประเทศไทย สุดท้าย ที่เชียงใหม่ มีผู้ให้บริการ 1 ราย คือ ที่อำเภอแม่ริม Jungle Bungy Jump (Chiang Mai) โดยขึ้นลิฟท์ไปยังแท่นกระโดดซึ่งสูง 50 เมตรเหนืออ่างเก็บน้ำ



เพ้นท์บอล หลายคนคงคุ้นหูกับ "บีบีกัน" มากกว่าเพ้นท์บอล เป็นกีฬาประลองยุทธ์ จะแบ่งผู้เล่นออกเป็น  สองฝ่าย ใช้ปืนอัดแก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) และกระสุนสี (Paintball Gun) เป็นอาวุธ สวมหน้ากาก (Mask) ป้องกันใบหน้า และเสื้อผ้าชุดฝึกทหารเพื่อป้องกันรอยเปื้อนสีต่อร่ายกายจากการถูกกระสุนยิงด้วยแรงดันของแก๊ส เมื่อกระสุนปืนกระทบเป้าหมายน้ำสีที่บรรจุอยู่ข้างในกระสุนจะแตกออกมา ไม่เป็นอันตรายต่อผู้เล่นสามารถเล่นได้ทุกเพศ กิจกรรมนี้นอกจากจะสนุกสนาน ตื่นเต้น เร้าใจแล้ว คู่รักยังได้ฝึกใช้สมองในการวางแผน ฝึกความสามมัคคีในการทำงานกันเป็นทีม จะอยู่ด้วยกันรอดไม่รอดก็ดูได้จากกิจกรรมนี้แหละคะ หากอยากเพิ่มความสนุก ควรชวนเพื่อนไปกันหลายๆ คน


พารามอเตอร์ สำหรับคนที่ใฝ่ฝันว่าครั้งหนึ่งในชีวิตนี้อยากโบยบินบนท้องฟ้าเคียงข้างกับคนรัก ไม่ควรพลาด พารามอเตอร์ เป็นการบินโดยใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่นักบินสามารถแบกบนหลังเหมือนแบกเป้ ประกอบกับร่มแบบมาตรฐานคล้ายกับที่ใช้ร่อนจากภูเขา แต่ด้วยเครื่องยนต์ทำให้พารามอเตอร์สามารถบินขึ้นลงได้อย่างอิสระมากว่าร่มร่อน( paraglide) รับรองว่าสนุกสนาน ตื่นเต้า เร้าใจ และจะกลายเป็นความทรงจำดีๆ ที่คู่รักไม่มีวันลืมเลยทีเดียว


ล่องลอยบนฟ้าด้วยแอร์บอลลูน บางคนคิดว่าพารามอเตอร์ดูหวาดเสียวเกินไป เรามีอีกหนึ่งกิจกรรมที่สามารถให้คุณสวีตกับแฟนบนท้องฟ้า พร้อมชมบรรยากาศสวยๆ ของเมืองจากมุมสูงมาแนะนำ Hot Air Balloon ลอยตัวบนท้องฟ้ากับกระเช้าบอลลูนยักษ์ นอกจากจะได้สวีตกันในบรรยากาศสวยๆ แล้ว คู่รักยังสามารถบันทึกภาพสวยๆ และวิดีโอน่ารักๆ ไว้เป็นที่ระลึกอีกด้วย กิจกรรมนี้เหมาะสำหรับ คู่รักที่กำลังจะแต่งงาน การแต่งงานบนบอลลูนก็น่าสนใจไม่น้อย หรือคู่รักที่ต้องการมีวันฮันนีมูนแบบพิเศษ คู่รักที่ต้องการฉลองครบรอบแต่งงาน สำหรับคนที่สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่นี่


ตกปลา คู่รักที่มีบ้านตั้งอยู่ใกล้หนอง คลอง บึง วันว่างๆ ลองทำอาหารง่ายๆ ไปนั่งกิน พร้อมกับตกปลาด้วยกัน ระหว่างรอปลาติดเบ็ด ก็ชวนกันคุยเรื่องโน่นเรื่องนี่ที่เราไม่ค่อยได้คุยในวันธรรมดา เพราะทำงานหนัก เรียนหนัก ไม่มีเวลาได้คุยกันจริงๆ พอได้ปลามาสักหน่อย ก็เอามาทำอาหารด้วยกัน รับรองว่ามื้อนี้จะกลายเป็นมื้อแห่งความทรงจำที่ทั้งสองคนจะพูดถึงไปนานแสนนานเลยทีเดียวคะ

หลังจากที่ทำกิจกรรมข้างต้นแล้ว รับรองว่าคู่รักแต่ละคู่จะรักกันมากขึ้นแน่นอน ส่วนคนที่ยังไม่มีคู่รักก็ไม่ต้องเศร้าคะ ชวนเพื่อนๆ ไปสนุกกันก็ได้ หรือจะไปเที่ยวคนเดียวก็ไม่แปลกคะ นอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว ยังได้เห็นบรรยากาศเมืองแบบสวยๆ ธรรมชาติงามๆ ที่สำคัญคือ คุณจะรู้สึกดี มีความสุขกับชีวิตมากขึ้น รู้สึกว่าชีวิตนี้ไม่น่าเบื่อ และมีพลังในการเรียน การทำงานมากขึ้นกว่าแต่ก่อน

สำหรับคนที่สนใจอยากหากิจกรรมสนุกๆ ในวันหยุด สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ และ ที่นี่

บทความโดย นันทพร คำยอด



Sunday, September 29, 2013

วิธีการรับประทานอาหารเช้าแบบหยินหยาง

ภาพจาก www.mmc.co.th

บทความที่แล้วได้พูดถึง ประโยชน์ของอาหารเช้า ไปแล้ว บทความนี้มาดูวิธีการรับประทานอาหารเช้าแบบหยินหยางกันบ้างนะคะ

หากเปรียบ "หยิน-หยาง" คือ อาหารที่มี "ธาตุร้อน-เย็น" เมื่อธาตุเย็นในร่างกายของเราสูงมากเกินไป ก็ทำให้ร่างกายขาดสมดุล ในทางกลับกันหากกินแต่อาหารธาตุร้อน ร่างกายก็จะขาดความสมดุลเช่นกัน

การดูแลรักษาสุขภาพในทางการแพทย์แผนจีน จะให้ความสำคัญในการรักษาสมดุลของระบบร่างกาย ให้มีความเป็นหยินและหยางที่พอดีกัน เมื่อหยินและหยางมีความสมดุล การเกิดโรคภัยและความเจ็บป่วยก็ย่อมห่างไกล

มื้อเช้าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด และมีผลต่อสุขภาพร่างกายในระยะยาว การทานอาหารเช้าแบบหยินหยางเพื่อสุขภาพที่ดี สำหรับคนที่ทำงาน หรือน้องๆ นักเรียน นักศึกษา ที่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา อาจรับประทานอาหารมื้อเช้าไม่ทัน  เรามีวิธีแนะนำดังนี้คะ

1. ดื่มนมอุ่นๆ สักแก้ว สำหรับท่านที่ชอบรับประทานนมอยู่แล้ว ตอนเช้าห้ามทานนมที่แช่เย็นเพราะร่างกายอยู่ในช่วงวอร์มอัพค่ะ แต่ควรดื่มนมอุ่นๆ โดยแช่น้ำร้อนก็พอ ไม่ต้องขนาดไปต้มใหม่ในหม้อ ถ้ามีไมโครเวฟก็ตามสะดวก หรือถ้าซื้อมาเป็นกล่อง UHT ก็ไม่ต้องเข้าตู้เย็น ไว้อุณหภูมิห้องไปเลยก็ใช้ได้แล้ว ถ้าจะทานร่วมกับพวกคอนเฟลก ซีเรียล ให้นำนมไปอุ่นร้อนก่อน

2. ควรรับประทานอาหารที่ร้อนๆ เช่น ข้าวต้ม ข้าวต้มกระดูกหมู หรือข้าวต้มทรงเครื่อง โจ๊ก ต้มเลือดหมู ข้าวแกงร้อนๆ ฯลฯ เพื่อให้ร่างกายตื่นตัวได้รับสารอาหาร ช่วยปรับอุณหภูมิร่างกายให้พร้อมทำงาน เหมือนเครื่องยนต์ที่วอร์มเครื่องพร้อมทำงาน

3. เวลาน้อย ดื่มของร้อนๆ ที่ทำงาน หากมีเวลาน้อย คราวนี้ต้องพึ่งโอวัลติน ชาร้อน เต้าฮวยน้ำขิง บัวลอยน้ำขิง น้ำเต้าหู้ ซื้อไปนั่งทานที่ทำงาน การทานที่ถูกต้องตามหลักหยินหยางและได้ประโยชน์ ต้องมีปาท่องโก๋ควบคู่ด้วย เพราะว่าพวกโอวัลติน ชาร้อน น้ำเต้าหู้ จะเป็นกลุ่มอาหารที่เป็นธาตุหยิน แต่ปาท่องโก๋จะเป็นอาหารธาตุหยาง เมื่อทานพร้อมกันจึงจะดี ขนาดคนฮ่องกงทานโจ๊กกันทุกเช้า ก็ต้องมีปาท่องโก๋เป็นเพื่อนเลย

4. ตื่นนอนตอนเช้า ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1-2 แก้ว ถ้าเป็นน้ำอุ่นได้จะดีทีเดียว ก็เพื่อให้เกิดความเป็นหยาง หลีกเลี่ยงการทานของที่เย็นจัด เครื่องดื่มที่ใส่น้ำแข็ง เครื่องดื่มที่แช่เย็นตามตู้แช่ หรือเครื่องกดตามร้านสะดวกซื้อ

5. รับประทานผลไม้สด  เดี๋ยวนี้อาหารเช้าที่มีแต่ผลไม้สด ก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่ฮิตกัน มีงานวิจัยบางชิ้นสนับสนุนการทานผลไม้สดเป็นอาหารเช้า นั่นเป็นเพราะว่าผลไม้หลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นสตรอว์เบอร์รี่, มะนาว, ส้ม, แอปเปิ้ล จะเต็มไปด้วยวิตามินซีที่ผ่านการพิสูจน์แล้วว่าเป็นวิตามินที่มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง แต่ถึงแม้ผลไม้จะดีอย่างไรก็ตาม เราก็ควรทานร่วมกับอาหารพวกแป้งด้วยจะดีกว่า อาจจะเป็นเมล็ดธัญพืช, ขนมปังปิ้ง, ซีเรียลแท่ง ถ้าเลือกจะทานซีเรียลแท่งเป็นอาหารเช้า ก็ควรจะใส่ผสมลงในโยเกิร์ตหรือนมสด ก็จะช่วยเพิ่มโปรตีนได้มากขึ้น ซึ่งแน่นอนจะมีประโยชน์ต่อสมองเพิ่มขึ้น

6. รับประทานอาหารประเภทปลา บางคนมักจะบ่นและเลี่ยง เพราะไม่ชอบกลิ่นคาว แต่ปลานี่แหละสำคัญมาก อย่างปลาซาดีนกระป๋องก็ดี หรือจะปลาทูทอด อย่างหรูก็ปลาแซลมอนรมควัน พวกนี้อุดมไปด้วยโอเมก้า 3 ที่มีมากในปลา ช่วยบำรุงสมองได้เป็นอย่างดี

7. ทานไข่ตอนเช้า มีคนอยากผอมหลายคนที่กลัวไข่กันเหลือเกิน ต้องมีการจำกัดว่าต้องทานเท่าไร บางคนเลิกทานไปเลย แต่ถ้าได้ดูจากข้อมูลต่อไปนี้แล้วคงต้องเปลี่ยนใจ เพราะในไข่ฟองหนึ่งจะประกอบด้วยสารอาหารหลากหลายอย่าง เช่น ซิงค์, วิตามินบี 12 และวิตามินบีรวมอีกมากมาย จะช่วยให้ความจำดีขึ้น แถมยังไปช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอของสมองอีกด้วย ถ้าจะให้ดีควรทานไม่เกิน 3 ฟองใน 1 อาทิตย์ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสี่ยงต่อระดับโคเลสเตอรอล

8. รับประทานโยเกิร์ตในตอนเช้า เพราะว่าเต็มไปด้วยโปรตีนสูง จำพวกกรดอะมิโน เป็นผลดีต่อเซลล์ในร่างกาย

สำหรับคนที่ยังติดนิสัยทานอาหารเที่ยงเป็นมื้อเช้า จะทำให้ระบบเผาผลาญอาหารทำงานน้อยลง ซึ่งจะทำให้สมองทำงานไม่เต็มที่ ไม่ค่อยมีสมาธิเท่าที่ควร ดังนั้นก่อนสายเกินแก้ ควรรีบเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมตัวเองซะใหม่ ตื่นเช้านิดหน่อย และหาอะไรดีๆ ทานต่อเช้าเพื่อร่างกายที่แข็งแรง และสมองที่แจ่มใส พร้อมลุยงานตลอดทั้งวัน


 ที่มา: www.mekoclinic.com


บทความที่เกี่ยวข้อง 


ประโยชน์ของอาหารเช้า 




ประโยชน์ของอาหารเช้า


หลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญกับมื้อเช้าเท่าไหร่ บางคนตื่นสายไม่ทันได้กินมื้อเช้า บางคนต้องการลดความอ้วน เลยงดมื้อเช้า บางคนคิดว่ากินมื้อกลางวันไปเลยดีกว่า ไม่ต้องเสียเวลาเตรียมอาหารมื้อเช้า แต่จริงๆ แล้ว มื้อเช้านี้แหละคะ เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะไม่เพียงเติมพลังงานให้ร่างกายและสมองให้พร้อมที่จะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพตลอดวัน แต่ยังมีประโยชน์อีกเพียบ มีอะไรบ้างไปดูกันเลยคะ

อาหารเช้าลดน้ำหนัก ใครที่ลดน้ำหนักอยู่ และคิดว่าการงดอาหารเช้าจะช่วยให้ผอมได้ คุณกำลังทำสิ่งที่ตรงกันข้าม การงดอาหารเช้าทำให้ร่างกายลดระบบเผาผลาญลง สมองจะหลั่งสารเคมีที่ชื่อว่า นิวโรเพปไทด์ วาย (neuropeptide Y) ซึ่งจะส่งสัญญาณให้คุณกินโดยไม่รู้ตัว มีภาวะที่เรียกว่า " อาการกินกลางคืน " (night eating syndrome) คือเมื่อเริ่มกินมื้อกลางวันแล้ว คุณจะหยุดไม่ได้จนกระทั่งเข้านอน คนที่งดอาหารเช้ามักกินจุบจิบและเลือกอาหารที่กินสะดวก ซึ่งอาจมีไขมัน น้ำตาลและแคลอรีสูง นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์ฮาร์วาร์ดยืนยันว่า ไม่ว่าหญิงหรือชายที่กินอาหารเช้าทุกวันจะอ้วนยากกว่าคนที่งดอาหารเช้า นอกจากนี้ นักวิจัยจากโรงเรียนแพทย์แมทสาชูเสทยังพบว่า คนที่งดอาหารเช้าบ่อยๆ มีแนวโน้มจะอ้วนได้มากกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำถึง 450% ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ กลุ่มผู้หญิงที่กินอาหารเช้าที่มีแคลอรีมากกว่ามื้ออื่นๆ จะลดน้ำหนักลงได้ดีกว่า และ 78% ของคนที่ลดความอ้วนแล้วสามารถประคับประคองน้ำหนักให้คงที่ได้ เป็นพวกที่กินอาหารเช้าทุกวัน ทำไมการกินอาหารเช้าทำให้น้ำหนักลดได้ ยังไม่มีคำตอบชัดเจน รู้แต่เพียงว่า อาหารเช้าช่วยให้หิวน้อยตลอดวัน อย่างไรก็ตามคุณภาพและปริมาณอาหารเช้ามีความสำคัญ ควรจัดให้มีความสมดุลของสารอาหาร และเพื่อลดน้ำหนักจะต้องไม่กินมากเกินไป

อาหารเช้าลดโรค การกินอาหารเช้าช่วยป้องกันโรคหัวใจ และน้ำตาลในเลือดสูง ซึ่งเป็นอาการเตือนของโรคเบาหวาน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอ่อนเพลียได้อีกด้วย จากผลการวิจัยคนที่กินธัญพืชไม่ขัดสีทุกวันเป็นอาหารเช้ามานานกว่า 5 ปี จะมีอายุยืนขึ้น เพราะธัญพืชไม่ขัดสีมีสารแอนติออกซิแดนท์ ใยอาหารและปัจจัยอื่นช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยลดคอเลสเทอรอลในเลือดและความดันโลหิต ส่งเสริมให้ร่างกายใช้กลูโคสและฮอร์โมนอินซูลินได้ดีขึ้น ธัญพืชที่มีโปรตีนถั่วเหลืองผสมจะให้ประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มขึ้น เพราะโปรตีนถั่วเหลืองช่วยลดระดับคอเลสเทอรอลในเลือดได้ ส่วนอาหารที่มีองค์ประกอบของกรดโฟลิค วิตามินบี 6 และวิตามินบี 12 จะช่วยลดสารโฮโมซิสเตอีนในเลือดซึ่งเป็นอันตรายต่อหลอดเลือด

อาหารเช้าเพิ่มพลังสมอง ระหว่างที่นอนหลับร่างกายเรายังคงใช้พลังงานตามปกติ พลังงานเหล่านั้นมาจากกลูโคสที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ กว่าจะถึงเช้ากลูโคสมากกว่าครึ่งจะถูกใช้ไป ร่างกายจึงต้องการเติมพลังงาน ซึ่งอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตจะเป็นตัวเริ่มขับเคลื่อนพลังงานให้กับร่างกาย ได้ดีที่สุด สมองของคนเราก็ใช้กลูโคสเป็นพลังงานด้วยเช่นกัน แต่สมองไม่สามารถเก็บสะสมกลูโคสส่วนที่เหลือได้เหมือนกับการที่ร่างกายสะสมพลังงาน ฉะนั้นอาหารเช้าจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะช่วยให้สมองเราทำงานได้เฉียบไว หากงดอาหารเช้า คุณอาจไม่รู้สึกอะไร เพราะมีพลังงานสำรองจากการพักผ่อน แต่พอใช้หมดไปร่างกายจะเข้าสู่ภาวะเครียด และแม้ว่าจะกินชดเชยในมื้อเที่ยง ก็สายเกินไป เพราะเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานส่วนนั้นได้ผ่านไปแล้ว

กินอะไรดีที่สุดสำหรับสมอง

นักวิจัยได้ลองให้ชาย - หญิง 22 คน อายุ 60-70 ปี ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาร์โบไฮเดรตล้วนๆ โปรตีนล้วน ไขมันล้วน เครื่องดื่มทั้ง 3 ชนิดให้พลังงานช่วยให้การทำข้อสอบเกี่ยวกับความจำระยะสั้นดีขึ้น แต่ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มคาร์โบไฮเดรตทำได้ดีที่สุด ในการทบทวนความจำหลังจากดื่มไป 1 ชั่วโมง ชี้ให้เห็นว่าคาร์โบไฮเดรตมีความสำคัญต่อการทำงานของสมอง

 เมื่องดอาหารเช้า เราจะไม่ได้สารอาหารสำคัญที่ช่วยความจำตลอดวัน แม้แต่การขาดสารอาหารเพียงเล็กน้อย ประเภทกรดโฟลิค วิตามินบี 6 วิตามินบี 12 ก็จะลดความจำลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุมากขึ้น คนสูงอายุจะดูดซึมวิตามินบี 12 ได้น้อยลง เป็นเหตุผลหนึ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คนที่อายุ 50 ปีขึ้นไปเสริมกรดโฟลิค ซึ่งมีมากในธัญพืชไม่ขัดสี ผักใบเขียวจัด ถั่ว น้ำส้มคั้น ฯลฯ



อาหารเช้าที่ควรใส่ใจ

ถ้าต้องการให้ร่างกายได้ประโยชน์จากอาหารเช้ามากขึ้น ควรพิจารณาเลือกชนิดอาหารที่มีองค์ประกอบดังนี้
1. คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ดีที่สุดสำหรับอาหารเช้า เพราะจะค่อยๆ ปลดปล่อยกลูโคสให้กับสมองโดยใช้เวลานานขึ้นในการย่อยและดูดซึม แนะนำให้เลือกธัญพืชไม่ขัดสีและผลไม้
2. โปรตีน อาหารทะเล ให้กรดอะมิโน ไข่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินบีและโคลีนช่วยการทำงานเกี่ยวกับความจำ แม้ไข่มีคอเลสเทอรอลสูง แต่ไข่วันละฟองในมื้ออาหารที่สมดุลนั้น ข้อมูลการวิจัยเปิดเผยว่าไม่เป็นผลเสีย
3. อาหารแคลเซียมสูง เช่น นม โยเกิร์ต นมถั่วเหลือง หรือธัญพืชเสริมแคลเซียม น้ำส้มเสริมแคลเซียม ช่วยในการเผาผลาญไขมันและลดการสะสมไขมันในร่างกาย

ที่มา: www.healthandcuisine.com


Friday, September 27, 2013

สวยและมีสุขภาพดีด้วย 13 วิธีง่ายๆ

หลายคนมองว่าการจะมีสุขภาพดี สวย และมีรูปร่างกระชับสมส่วนได้นั้น ต้องลงทุนด้วยเงินมหาศาล ทั้งอาบน้ำแร่ แช่น้ำนม ไปสปา เข้าฟิตเนส ซื้อครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางแพงๆ รวมไปถึงการศัลยกรรม แต่จริงๆ แล้วทุกๆ คนสามารถเพิ่มความสวย และสร้างสุขภาพที่ดีได้ด้วยกิจกรรมง่ายๆ และไม่ต้องเสียเงินสักบาท มีอะไรบ้าง มาดูกันคะ

1.หาวิดีโอออกำลังกายฟรีๆ มาใช้ สาวๆ สามารถดาวน์โหลดวิดีโอสอนออกกำลังกาย เช่น เต้นแอโรบิค พิลาทีส หรือโยคะได้ง่ายๆ จาก Youtube จากนั้นลองหาเวลาว่างๆ ฝึกทำทุกวันที่บ้าน บางวันอาจชวนเพื่อนๆ มาทำด้วยกัน จะช่วยเพิ่มความสนุกสนาน และทำให้ตัวเองไม่ขี้เกียจที่จะออกกำลังกาย

2. ดื่มน้ำเปล่า เรื่องเล็กๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะน้ำเป็นตัวการสำคัญที่ช่วยให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานอย่างเป็นระบบ ในหนึ่งวันสาวๆ ควรดื่มน้ำระมาณ 2–3 ลิตร ตอนเช้าควรดื่มน้ำอุ่นทันที 2 แก้ว เพื่อช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้ดี ในระหว่างวันควรดื่มน้ำทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกคอแห้ง และไม่ควรดื่มน้ำเกินครึ่งแก้วก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที และภายใน 40 นาทีหลังมื้ออาหาร เนื่องจากทำให้น้ำย่อยเจือจางลง ส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร ทั้งนี้ ควรดื่มน้ำทีละนิดระหว่างวัน จิบครั้งละ 2–3 อึก แต่จิบบ่อยครั้งไปตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ทัน และขับออกมาเป็นปัสสาวะ ดังนั้นถึงจะดื่มน้ำเป็นปริมาณมากก็ยังรู้สึกหิวน้ำ

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ว่าจะยุ่งขนาดไหน สาวๆ ต้องหาเวลานนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะการนอนหลับพักผ่อนที่เพียงพอจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ทำให้เรามีความจำที่ดีขึ้น และทำให้สมองทำงานได้เร็วขึ้น ที่สำคัญคือ ช่วยให้ Growth hormone ทำงานได้ดี GH ทำงานช่วง สามทุ่มถึงเที่ยงคืน ดังนั้นการนอนแต่หัวคำทำให้คุณดูสวยขึ้น ผอมลง อ่อนเยาว์ขึ้น ในหนึ่งวันคนเราควรนอนประมาณ 6-7 ชั่วโมง หากคนเรานอนน้อยกว่านั้น หรือนอนไม่พอติดต่อกันมากกว่า 4-5 วัน เป็นการทำร้ายสุขภาพของตนเองโดยตรงไม่ต่างจากการใช้ยาเสพติดหรือดื่มของมึนเมา ตามที่สมาคม The American Sleep Apnea Association และ Sleep Disorders Clinic and Research Center แห่งมหาวิทยาลัยแสตนฟอร์ด ทำการศึกษาวิจัยและพบว่า การที่เราอดนอนมากๆ นั้น จะมีผลเท่าเทียมกับการดื่มเหล้าจนเมา ที่สำคัญคือการอดนอนยังสามารถสร้างปัญหาเช่นเดียวกับการเมาเหล้าด้วย ซึ่งอาจลงท้ายด้วยการก่อปัญหาแก่ชีวิตนั่นเอง (ที่มา: VITAEAST NETWORK)

4. นั่งหลังตรง บางคนคิดว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ แต่การนั่งหลังตรงนั้นจะช่วยให้ระบบหายใจทำงานได้ดีขึ้น หายใจสะดวกขึ้น ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี ทำให้ระบบกล้ามเนื้อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และที่สำคัญคือ ทำให้สาวๆ มีบุคลิกภาพที่ดีขึ้น ดูสง่า และเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้ตัวเองอีกด้วย

5. ล้างมือเป็นประจำ ในแต่ละวันเราต้องสัมผัสเชื้อโรคมากมายโดยไม่รู้ตัว การล้างมือเป็นวิธีการที่ง่ายที่สุดที่จะป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย และเป็นวิธีที่จะลดความเสี่ยงในการป่วยเป็นโรคต่างๆ โดยเราควรล้างมือก่อนและหลังรับประทานอาหาร หลังจากเข้าห้องน้ำ ก่อนและหลังสัมผัสผู้ป่วย หลังจากทำความสะอาดบ้าน เปลี่ยนถังขยะ หรือสัมผัสกับสิ่งสกปรก หากจะให้ดีควรพกน้ำยาล้างมือติดตัวเวลาออกนอกบ้างเพื่อที่จะสามารถนำออกมาใช้ได้ง่ายในทุกที่ ทุกเวลา

6. หยุดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้มากๆ เป็นประจำ ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จะทำให้เราแก่เร็ว ผิวหนังคล้ำ อ้วนได้ง่าย สมองเสื่อม และระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้เราป่วยง่าย หายช้า

7. ทำอาหารกินเอง การทำอาหารกินเอง นอกจากจะราคาถูกแล้ว เรายังสามารถเลือกวัตถุดิบในการประกอบอาหารที่เรามั่นใจได้ว่าสะอาด สด ไม่มีสารพิษ และสิ่งตกค้างเจือปน นอกจากนี้เรายังสามารถออกแบบเมนูอาหารเพื่อสุขภาพได้ด้วยตัวเอง เพิ่มพวกผักใบเขียว และเนื้อที่เราชอบ หาเมนูที่มีสารอาหารครบทั้งห้าหมู่ ทำให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ที่สำคัญคือ เราสามารถควบคุมรสชาติของอาหารในแบบที่เราชอบได้อีกด้วย

8. ทานอาหารเช้า หลายคนมองข้ามเรื่องการทานอาหารเช้า หรือบางคนตื่นสายจนไม่มีเวลาทานอาหารเช้า แต่เชื่อไหมละคะว่ามื้อเช้านี้แหละคะ เป็นมื้อที่สำคัญที่สุด เพราะร่างกายต้องการพลังงาน และสารอาหารไปใช้ในการทำงานตลอดทั้งวัน การทานอาหารเช้ามีประโยชน์หลายอย่าง เริ่มตั้งแต่ มีส่วนช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการเรียน การทำงาน ทำให้ระบบความจำ ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้น แต่ถ้าเราไม่ได้ทานอาหารเช้า จะทำให้เราหิวตลอดเวลา รู้สึกหงุดหงิดง่าย และไม่มีสมาธิในการทำงาน ที่สำคัญคือ ทำให้อ้วนง่ายๆ เพราะต้องหาของกินจุกจิกที่ไม่มีประโยชน์รองท้องก่อนที่จะกินมื้อเที่ยง หรือหามื้อเที่ยงที่แบบสุกเอาเผากิน แบบง่ายๆ เพราะทนความหิวไม่ไหว

9. เดินเป็นประจำทุกวัน  การเดินนั้นเป็นการออกกำลังกายที่ไม่ต้องลงทุนอะไรเลย ขอแค่ให้มีรองเท้าผ้าใบดีๆ สักคู่ และเวลาในการเดินประมาณ 30 นาทีต่อวัน อาจเป็นช่วงเช้าหรือช่วงเย็นก็ได้ โดยการเดินนั้นจะช่วยลดความเครียด ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลาย สดชื่น ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ลดความเสี่ยงของโรคหัวใจล้มเหลว ทำให้ระบบเลือดไหลเวียนดี ที่สำคัญคือ ช่วยควบคุมน้ำหนักได้เป็นอย่างดี

10. หยุดพักบ้าง หากเคร่งเครียดจากงานหนัก ควรหาเวลาผ่อนคลายบ้าง เพื่อให้สมองได้พักผ่อน ได้เจอเรื่องดีๆ บ้าง เราสามารถผ่อนคลายได้ง่ายๆ โดยการนอนเฉยๆ อยู่กับบ้าน ไปเที่ยวดูหนัง ฟังเพลงกับเพื่อน หรืออ่านหนังสือที่ชอบ เป็นต้น

11. หางานอดิเรกทำ การทำงานอดิเรกเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยคลายเครียด เวลาที่เราได้ทำในสิ่งที่ชอบ ที่รัก ร่างกายจะหลั่งสารเอ็นโดฟีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุขออกมา ซึ่งมีส่วนเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายและจิตใจ

12. หาเพื่อนดีๆ สักคน การมีเพื่อนดีๆ เหมือนมีเพชรอยู่ในมือ ในชีวิตนี้เราควรหาเพื่อนดีๆ สักคนที่สามารถอยู่เคียงข้างเรา คอยดูแล ช่วยเหลือเราเมื่อยามเราทุกข์ คอยรับฟังปัญหา และช่วยแก้ไขปัญหาให้เราได้ เพราะหากเราเก็บปัญหา ความเศร้า ความทุกข์ไว้คนเดียว จะทำให้เราเครียด นำไปสู่สุขภาพที่แย่ จิตใจที่เศร้าหมอง ซึ่งนำไปสู่การฆ่าตัวตายได้ นอกจากนี้การมีเพื่อนดีๆ สักคน ทำให้เราไม่เหงา เราสามารถชวนเพื่อนทำกิจกรรมดีๆ ด้วยกัน ได้แบ่งปันความสุข และมีช่วงเวลาดีๆ ในชีวิตที่น่าจดจำด้วยกัน เป็นความสุขที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ และเป็นความสุขที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต

13. จัดระเบียบให้ชีวิต หากไม่อยากให้ชีวิตดูเครียด และยุ่งยาก เราควรจัดตารางชีวิตให้ดี จัดลำดับว่าควรทำอะไรก่อนหลัง เรียงลำดับความสำคัญของสิ่งที่ต้องทำจากมากไปน้อย  และเขียนบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวัน ทั้งนี้เพื่อช่วยทำให้เราทำงานสำคัญได้ครบ ทันกำหนด ตรงตามเวลา ไม่ต้องมานั่งเครียดเมื่อลืมทำงานสำคัญ หรือทำงานไม่เสร็จ หรือไม่ต้องมานั่งคิด หมกหมุ่นว่าต้องทำอะไรบ้างในแต่ละวัน

เห็นไหมละคะว่าการสร้างสุขภาพที่ดี เราสามารถทำได้ง่ายๆ ทำได้ด้วยตนเอง และไม่ต้องเสียเงินสักบาท แค่สร้างนิสัย และกิจวัตรประจำวันที่ดี  แค่นี้ก็ช่วยให้เราสวย และมีสุขภาพดีได้แล้วคะ

ที่มา: allwomenstalk.com
แปลและเรียบเรียงโดย นันทพร คำยอด


Thursday, September 26, 2013

10 วิธีช่วยสร้างชีวิตให้มีความสุขมากขึ้น


1. Let go, forget the burdens of the past  
ปล่อยให้อดีตผ่านไป อย่าจดจำ อย่าใส่ใจ เราเจ็บวันนี้ไม่ใช่เพราะเรื่องราวในอดีต แต่เพราะตัวเราเองเอาเรื่องราวในอดีตมาคิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก ไม่จบไม่สิ้น ดังนั้น อย่าเอาอดีตกลับมาคิดทำร้ายตัวเองซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า เพราะอดีตเมื่อผ่านไปแล้ว เราไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือ ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด และถ้าอยากให้วันพรุ่งนี้เป็นวันของเรา ก็จงวางแผนว่าอยากให้อนาคตเป็นแบบไหน และลงมือทำ

2. Be whoever you want to be 
เป็นในสิ่งที่ตัวเองอยากจะเป็น ไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นในแบบที่เราคิดว่าคนอื่นอยากให้เราเป็น หรือในแบบที่คนในสังคมคิดว่าดี เท่ห์ และคิดว่าเราควรเป็นแบบนั้น แบบนี้ เพราะถ้าเรามัวแต่เอาเวลาทั้งชีวิตที่เป็นของเรา พยายามทำตัวในแบบที่คนอื่นอยากให้เราเป็น แต่เราไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น เท่ากับเป็นการทำร้ายตัวเอง นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ยังทำให้ชีวิตของเราไม่มีความสุข

3. Think positively
มองโลกในแง่ดี ไม่ว่าจะเจอเรื่องราว สถานการณ์เลวร้ายขนาดไหน พยายามหาแง่งาม ข้อดี ข้อคิดจากสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยเราก็ได้เรียนรู้ ได้ข้อคิดจากสิ่งที่เกิดขึ้น และได้เห็นว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปซะหมด เห็นไหมละคะ แค่คิดดี มันก็ทำให้เรามองเห็นสิ่งๆ ดีในวันที่เลวร้าย และเป็นพลังให้ก้าวต่อไป ไม่ท้อแท้ สิ้นหวัง เสียใจกับวันแย่ๆ

4. Remember that everything happens for a reason
จงจำไว้เสมอว่า ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นโดยบังเอิญ ทุกสิ่ง ทุกอย่างเกิดขึ้นมาล้วนแล้วแต่เป็นเหตุ เป็นผล มีที่มาที่ไป หากอยากรู้ว่าทำไมชีวิตในวันนี้เราเป็นแบบนี้ ลองย้อนกลับไปดูเมื่อวานว่าเราได้ทำอะไรไปบ้าง เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เป็นผลมาจากการกระทำของเมื่อวาน ถ้าหากอยากให้วันพรุ่งนี้ดีขึ้นกว่าวันนี้และเมื่อวาน ก็จงทำวันนี้ให้ดีที่สุด

5. Change
เปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นอยู่เสมอ อย่าปล่อยให้ตัวเองโตแค่อายุ แต่ควรใช้เวลาทุกนาทีในชีวิตให้มีค่า เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ค้นหาตัวเอง พยายามพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ เปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนที่อยากเป็น เติบโตด้วยอายุและความคิดไปพร้อมๆ กัน

6. "Look after the pennies and the pounds will look after themselves"
อย่ามองว่าแค่เศษเหรียญไม่มีค่า แต่ให้สนใจ เก็บสะสมเศษเหรียญเหล่านั้นไว้ เพราะวันหนึ่งมันจะกลายเป็นเงินก้อนโตที่เรานำไปใช้ประโยชน์ได้ อันนี้เป็นสุภาษิตของอังกฤษ หมายถึงว่า อย่าประมาท ให้เราละเอียด รอบคอบ ใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่าเห็นว่าเป็นเรื่องไม่สำคัญ เพราะสิ่งเล็กๆ น้อยๆ นั้น จะนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ยิ่งใหญ่ หากเราไม่ใส่ใจ ทำผิดพลาดไป ก็ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ออกมาไม่ดีเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น จะขับรถไปซื้อของหน้าปากซอย เราคิดว่าขับไปใกล้ๆ ไม่ต้องคาดเข็มขัดนิรภัยก็ได้ แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ขับไปได้นิดหน่อย อาจมีรถอีกคันมาชนเราก็ได้ ถ้าเราคาดเข็มขัดอาจเจ็ํบตัวน้อยหน่อย แต่ถ้าเราไม่คาดอาจเจ็บหนัก หรือถึงขั้นเสียชีวิตก็เป็นได้

7. Build relationships
สานสัมพันธ์กับคนรอบข้าง มองหาเพื่อนดีๆ สักคนไว้แชร์เรื่องราวดีๆ ไว้แบ่งปันความสุข ความสนุกด้วยกัน ชีวิตจะได้มีสีสัน มีคุณค่าให้จดจำ

8. Live your life with purpose
มีเป้าหมายในชีวิต ไม่ใช่แค่อยู่ไปวันๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านอย่างไร้ค่า ให้เขียนลงในกระดาษว่าอยากให้ชีวิตเป็นแบบไหน พร้อมกับเขียนวิธีที่จะนำไปสู่เป้าหมาย และลงมือทำอย่างตั้งใจ

9. Take responsibility
เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้น อย่ามัวแต่โยนความผิดให้ผู้อื่น หากสิ่งที่วางไว้ไม่ตรงไปตามแผน ก็อย่ามัวแต่โทษตัวเอง หรือตำหนิคนอื่น จงยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และหาทางแก้ไข

10. Smile 
อย่าลืมยิ้มวันละนิด เพราะการยิ้มเป็นวิธีการหนึ่งที่ทำให้ร่างกายหลั่งสารเอ็นโดฟีน ซึ่งเป็นสารแห่งความสุข ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง และรู้สึกว่าชีวิตนี้ช่างมีความสุขจริงๆ

ที่มา: thisinspired.me
แปลและเรียบเรียงโดย นันทพร คำยอด


5 เรื่องที่คุณต้องรู้ เกี่ยวกับครีมกันแดด SPF สูง


ประเทศเมืองร้อนแดดจ้าอย่างบ้านเรา สิ่งที่จะขาดไม่ได้คือ "ครีมกันแดด" หลาย ๆ คนอาจรู้สึกว่าแดดแรงขนาดนี้ ใช้ครีมกันแดด SPF สูง ๆ ไว้ก่อนนี่แหละดีที่สุด แต่ครีมกันแดดที่มี SPF สูง ๆ ราคาก็มักจะตัวสูงตามไปด้วย เอ ถ้าซื้อมาใช้สำหรับทุกๆ วันแบบจะถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือเปล่านะ วันนี้เรามีคำเฉลยมาให้ ใน 5 เรื่องที่คุณต้องรู้ เกี่ยวกับครีมกันแดด SPF สูงค่ะ

         1. ยิ่ง SPF สูงยิ่งปกป้องดี ..ไม่จริงเสมอไป ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงไม่ได้หมายความว่าปกป้องผิวจากแสงแดดได้ดีกว่าเสมอไป ในแสงอาทิตย์มีรังสีถึง 2 ตัวที่ทำร้ายผิวของเราได้ คือ UVA และ UVB ซึ่งครีมที่มีเฉพาะค่า SPF (Sun Protection Factor) นั้นป้องกันแค่รังสี UVB เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ได้ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UVA เลย ถ้าอยากให้ปกป้องได้ครบถ้วนก็ต้องมองหาครีมกันแดดที่มีค่า PA (Protection Grade of UVA) ด้วยนะคะ

         2. ค่า SPF สูง ๆ ที่จริงก็แค่ลูกเล่นการตลาด  แพทย์ผิวหนังทั่วโลกเห็นตรงกันว่าครีมกันแดดที่มีค่าอยู่ระหว่าง SPF 15-45 ที่จริงแล้วก็ไม่ได้ให้ระดับการปกป้องที่แตกต่างกันมากนัก แต่ราคากลับต่างกันอยู่หลายสิบไปจนถึงร้อยบาท นั่นเป็นกลทางการตลาดจูงใจให้ผู้ซื้อยอมจ่ายแพง เพื่อให้ได้สิ่งที่ (คิดว่า) ดีกว่าเท่านั้นเอง

         3. ไม่ว่าจะ SPF สูงเท่าไหร่ หัวใจสำคัญที่สุดคือทาซ้ำบ่อย ๆ เมื่อเห็นครีมกันแดดมีค่า SPF สูง ๆ สาวๆ มักชะล่าใจคิดว่ามันต้องปกป้องผิวได้นานตลอดวันแน่ๆ แต่ที่จริงแล้วไม่ว่าจะเป็นครีมกันแดดที่มีประสิทธิภาพปกป้องผิวดีแค่ไหน ก็จะหย่อนประสิทธิภาพลงได้ในในเวลาราว ๆ 2-3 ชั่วโมงขึ้นไป เพราะถูกชะออกด้วยน้ำ เหงื่อ หรือบ้างก็เสียดสีกับเนื้อผ้า เพราะฉะนั้นเพื่อความชัวร์ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมงจะดีกว่านะคะ

         4. แค่ครีมกันแดดอย่างเดียวปกป้องผิวได้ไม่ 100% ถ้าอาศัยการทาครีมกันแดดอย่าเดียวแล้วหวังว่าผิวจะไม่ถูกแสงแดดทำร้ายเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่นอนค่ะ ครีมกันแดดเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยในการปกป้องผิว แต่คุณก็ยังต้องอาศัยการกางร่ม สวมเสื้อผ้ามิดชิด เดินในที่มีหลังคาบัง รวมถึงรับประทานผลไม้ และดื่มน้ำเยอะ ๆ ด้วย ผิวจึงจะได้รับการปกป้อง และแข็งแรงเต็มที่

         5. ยิ่ง SPF สูง สารสังเคราะห์ก็ยิ่งมาก ค่า SPF ที่สูงหมายความว่าสารเคมีสังเคราะห์ที่ผสมลงไปในครีมกันแดดก็ยิ่งมีมาก และนั่นก็เสี่ยงทำร้ายผิวคุณมากขึ้นด้วย ผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายอาจมีอาการคัน เป็นผื่น หรือปื้นแดง ที่ร้ายไปกว่านั้นมันอาจซึมลงผิวและส่งผลต่อระดับฮอร์โมนในร่างกายคุณได้ด้วยค่ะ

รู้อย่างนี้แล้วคุณก็คงจะเลือกใช้ครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวได้อย่างเหมาะสม อย่าลืมนะคะว่าค่า SPF มากไม่ได้แปลว่าปกป้องได้ดีกว่าทุกด้าน หรือปกป้องได้นานกว่า และเมื่อทาครีมกันแดดแล้วก็ยังต้องปกป้องและดูแลผิวด้วยวิธีอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ผิวจึงจะได้รับการดูแลเต็มที่ และสวยเต็มร้อยไงคะ

ที่มา: women.kapook.com


Wednesday, September 25, 2013

11 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ


การสร้างสุขภาพที่ดีนั้น ทำได้หลายวิธีด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายยามเช้า การทานอาหารที่มีประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกเครื่องดื่มที่มีคุณค่าต่อร่างกาย และวันนี้เราก็มีรายการเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมาฝากกันคะ



1. น้ำส้มโอผสมพีช เพื่อผิวพรรณที่เรียบเนียน 
ในผลส้มโอและพีชนั้นจะมีสารไลโคปีน (Lycopene) ที่มีคุณสมบัติทำให้ผิวพรรณผ่องใสขาวอมชมพู และช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียน เปล่งปลั่งอีกด้วย



2. ไวน์ช่วยป้องกันโรคอัลไซเมอร์
คนทั่วไปมักจะคิดว่าการดื่มไวน์ก็ไม่ต่างจากการดื่มเหล้าหรือเบียร์ ที่ให้เสียสุขภาพและทำให้สมองทำงานได้แย่ลง แต่ในความเป็นจริงแล้วผู้ที่ดื่มไวน์วันละแก้วเป็นประจำทุกวันสามารถลดความเสี่ยงในการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ถึง 80% เลยทีเดียว นอกจากนี้ในไวน์แดงยังมีสาร Anitioxidant เป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยทำให้คุณดูอ่อนเยาว์ และมีผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส แต่ทั้งนี้ควรดื่มในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับผู้หญิงควรจิบไวน์วันละหนึ่งแก้ว ส่วนผู้ชายควรจิบวันละสองแก้ว



3. โกโก้ดีสำหรับระบบหัวใจและหลอดเลือด
โกโก้นั้นเป็นเครื่องดื่มที่มีรสชาติดี และเป็นที่ถูกปากของใครหลายๆ คน นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐอเมริกาศึกษาพบว่า โกโก้ร้อน 1 ถ้วยนั้นอุดมไปด้วยสารต่อต้านอนุมูลอิสระ มากกว่าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีเช่น ชา หรือไวน์แดง นอกจากนี้ในโกโก้นั้นยังมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavanols) ที่มีส่วนช่วยให้หลอดเลือดในร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงของโรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคไตและภาวะสมองเสื่อม



4. น้ำบีทดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต
บีทรูท เป็นหัวผักกาดที่อยู่ใต้ดินชนิดหนึ่ง มีทรงกลมป้อม เปลือกดำ เนื้อสีแดงเลือดหมู หรือม่วงแดง เมื่อปอกสีจะติดมือ เป็นผักเมืองหนาว ต้นกำเนิดอยู่ในแถบเมดิเตอร์เรเนียน นิยมใส่ในสลัดต่างๆ โดยเฉพาะสลัดผักสุกหรือนำไปดองสามรสไว้รับประทานคู่กับอาหารจานหลัก เช่น สเต็ก พาสต้า นอกจากนั้นยังนิยมนำไปคั้นเป็นเครื่องดื่มสุขภาพสีม่วง สารสีแดงในหัวบีทรูท คือ เบทานิน (Betanin) เป็นกรดอะมิโนที่มีสรรพคุณยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอกและมะเร็ง น้ำบีทรูทจึงมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในฐานะรักษามะเร็ง นอกจากนั้นยังช่วยทำให้เลือดลมดี และการไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น



5. ชาเขียวช่วยป้องกันเชื้อโรค
ชาเขียวเป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆ โดยพบว่าชาเขียวสามารถแก้สารพัดโรค เช่น ต้านอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ของร่างกาย ต้านอาการอักเสบ ต้านเชื้อจุลินทรีย์ในลำไส้ ป้องกันตับจากสารพิษ และช่วยป้องกันโรคหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็งได้



6. นมถั่วเหลืองช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และลดรอยเหี่ยวย่น
ในนมถั่วเหลืองนั้นจะมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavanols) ที่ช่วยป้องกันการสูญเสียคลอลาเจน ช่วยทำให้ผิวพรรณกระชับ เปล่งปลั่ง และลดรอยเหี่ยวย่น



7. นมวัวช่วยสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกที่แข็งแรง

ในนมวัวนั้นอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งเป็นโปรตีนคุณภาพสูงเมื่อเทียบกับโปรตีนในนมถั่วเหลือง และมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อโครงสร้างโปรตีนในร่างกายเซลล์และเนื้อเยื่อต่างๆ ในทุกส่วนของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นผิวหนัง กล้ามเนื้อ กระดูก หรือโลหิต รวมทั้งใช้กรดอะมิโนสร้างแอนติบอดีและฮอร์โมนต่าง ๆ โปรตีนจากน้ำนม จึงมีส่วนช่วยให้เซลล์สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างภูมิคุ้มกัน ให้พลังงานเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และสร้างฮอร์โมนที่จำเป็น บำรุงไม่ให้ระบบต่าง ๆ เสื่อมสภาพเร็ว ช่วยให้มีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงโลหิตได้ดี เป็นต้น และการได้รับกรดอะมิโนอย่างพอเพียง สัมพันธ์โดยตรงกับการสร้างคอลลาเจนและกลูตาไธโอนจากกรดอะมิโนมีความจำเป็นกับผิวทั้งจากภายในและภายนอก โดยสารทั้งสองนี้มีส่วนช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง กระจ่างใสขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนควรดื่มนมวันละ 2-3 แก้ว



8. น้ำแครอทช่วยทำให้ความจำดีขึ้น
ในแครอทนั้นมีสารที่เรียกว่า ลูทอีโอลิน (Luteolin) ที่สามารถลดความเสื่อมของสมองและชะลออาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากความชราได้ โดยจะมีผลในการยับยั้งการปล่อยสารที่มาทำลายเซลล์สมองซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ความจำลดลง ซึ่งลูทอีโอลินยังพบได้ในพืชหลากหลายชนิด เช่น พริกหวาน (pepper) คึ่นช่ายฝรั่ง (celery) นำมันมะกอก (olive oil) ใบสะระแหน่ (peppermint) โรสแมรี (rosemary) และ คาร์โมไมล์ (chamomile)



9. กาแฟช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนัง
จากการศึกษาของวารสาร Europa (USA) ในผู้หญิง 3,000 คน พบว่า การดื่มกาแฟวันละแก้วจะช่วยป้องกันมะเร็งโรคผิวหนังระยะเริ่มต้น โดยสารในกาแฟจะไปช่วยสกัดอนุมูลอิสระไม่ให้ไปก่อตัวเป็นสารก่อมะเร็ง ดังนั้นการดื่มกาแฟจึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคมะเร็งผิวหนัง แต่ถ้าดื่มมากไปก็ไม่ได้ช่วยป้องกันมะเร็งผิวหนังแต่อย่างใด แต่กลับเป็นเสียแก่ร่างกายมากกว่า



10. น้ำเปล่าช่วยทำให้ระบบร่างกายทำงานได้ดีขึ้น
น้ำเปล่า ถือเป็นเครื่องดื่มที่ทุกคนควรดื่มเป็นประจำทุกวัน โดยน้ำจะช่วยย่อยอาหาร ละลายสารอาหารและออกซิเจน เพื่อขนส่งให้เซลล์ต่าง ๆ นับล้าน ๆ เซลล์ทั่วร่างกาย ช่วยให้หัวใจทำงานได้ปกติ ใบหน้าชุ่มชื้นดูมีเลือดฝาด ทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงร่างกาย ละลายสารพิษเพื่อขับออกจากร่างกาย ทำให้ผิวพรรณสดใสไม่แห้งกร้าน และยังช่วยให้ลำคอและปากมีความชุ่มชื้น ลำคอและช่องปากที่แห้งทำให้ลมหายใจไม่หอมสดชื่น และอาจส่งผลให้ฝันผุได้ ในหนึ่งวันควรดื่มน้ำประมาณ 2–3 ลิตร ตอนเช้าควรดื่มน้ำอุ่นทันที 2 แก้ว เพื่อช่วยให้ถ่ายอุจจาระได้ดี ในระหว่างวันควรดื่มน้ำทันทีเมื่อเริ่มรู้สึกคอแห้ง และไม่ควรดื่มน้ำเกินครึ่งแก้วก่อนรับประทานอาหาร 15 นาที และภายใน 40 นาทีหลังมื้ออาหาร เนื่องจากทำให้น้ำย่อยเจือจางลง ส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร ทั้งนี้ ควรดื่มน้ำทีละนิดระหว่างวัน จิบครั้งละ 2–3 อึก แต่จิบบ่อยครั้งไปตลอดทั้งวัน การดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ทำให้ร่างกายดูดซึมไม่ทัน และขับออกมาเป็นปัสสาวะ ดังนั้นถึงจะดื่มน้ำเป็นปริมาณมากก็ยังรู้สึกหิวน้ำ



11. น้ำส้มช่วยในเรื่องการมองเห็นที่ดีขึ้น
ในน้ำส้มอุดมไปด้วยวิตามินซี ที่ช่วยในเรื่องของการมองเห็น นอกจากนี้การดื่มน้ำส้ม ยังช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า ลดความเครียด ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ เลือดออกตามไรฟัน และมีคุณสมบัติช่วยล้างพิษในร่างกาย ในส้มยังมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavanols) ช่วยป้องกันการอักเสบ และเลือดจับตัวเป็นก้อน มีคอลลาเจน ช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย ให้ผิวมีความยืดหยุ่น ไม่แห้งแตก และยังช่วยสมานแผลหลังผ่าตัด แผลไฟไหม้ ให้หายเร็วและแผลเรียบเนียนขึ้น

ที่มา: shelookbook.com
เรียบเรียงโดย นันทพร คำยอด


Monday, September 23, 2013

มาทำความรู้จักกับสบู่น้ำหอมอาร์แกน



บทความที่แล้ว เราได้แนะนำสบู่มาร์แซย์กันไปแล้ว วันนี้ขอแนะนำสบู่ในเครือเดียวกัน "สบู่น้ำหอมอาร์แกน" ซึ่งให้กลิ่นหอมเย้ายวน และคุณค่าแก่ผิวพรรณ โดยสามารถใช้ในการอาบน้ำทุกวัน เป็นของขวัญ ของฝาก และของที่ระลึก

ในน้ำมันอาร์แกนมีสารประกอบอย่างหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการชะลอการเกิดริ้วรอยที่เกิดขึ้นตามวัยและช่วยลดการสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวได้เป็นอย่างดี และความลับของน้ำมันสกัดชนิดนี้ก็คือ มีกรด Oleic Acid Linoleic สูง ( 45% ) : กรดไขมันจำเป็นชนิดนี้จะช่วยฟื้นฟูและรักษาสภาพผิวให้ชุ่มชื่นเหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน

สบู่น้ำหอมอาร์แกนมีหลากหลายแบบด้วยกัน ได้แก่ 



M11234 ALOE VERA SOAP
อโลเวล่า ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น และปกป้องผิวจากมลภาวะ


M11204 AU MIEL
น้ำผึ้งให้ความชุ่มชื้นได้ดีกับผิวหน้าและผิวกาย  เพลิดเพลินกับการอาบน้ำ ด้วยกลิ่นและส่วนผสมอัน อบอุ่นของน้ำผึ้ง


M11205 AUX ALGUES
สบู่เนื้อเนียนนุ่ม ให้ฟองที่นุ่มนวล ช่วยสคัปผิว เพราะมีส่วนผสมของสาหร่ายทะเลที่หาได้เฉพาะประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น พร้อมเนื้อสบู่ที่มีความชุ่มชื่นสูงจึงไม่ทำให้ผิวแห้ง

M11206 BEURRE DE KARITE
มีส่วนผสมจากเชียบัตเตอร์ เชียบัตเตอร์ ช่วยต่อต้านมนุมูลอิสระ ป้องกันรังสียูวี สามารถใช้ได้กับใบหน้า และร่างกาย


M11216 FLEUR DE LOTUS
มีกลิ่นหอม อาบสะอาด กลิ่นติดผิวกาย เป็นกลิ่นขายดี ช่วยทำให้ผิวชุมชืน และช่วยบำรุงผิว


M11217 FLEURS D’ETE
มีกลิ่นหอมของดอกไม้ อาบสะอาด กลิ่นติดผิวกาย เป็นกลิ่นขายดี ช่วยทำให้ผิวชุมชื่น และช่วยบำรุงผิว


M11219 FRAISE DES BOIS
มีกลิ่นหอม ของดอกไม้ อาบสะอาด กลิ่นติดผิวกาย เป็นกลิ่นขายดี ช่วยทำให้ผิวชุมชืน และช่วยบำรุงผิว


M11222 GOURMANDISE
สบู่มอยเจอร์ไรเซอร์  อาบสะอาด กลิ่นติดผิวกาย ช่วยทำให้ผิวชุมชืน และช่วยบำรุงผิว


M11223 GRAIN DE BEAUTE
สบู่เนื้อเนียนนุ่ม ให้ฟองที่นุ่มนวล ช่วยสคัปผิว เพราะมีส่วนผสมของสาหร่ายทะเลที่หาได้เฉพาะประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น พร้อมเนื้อสบู่ที่มีความชุ่มชื่นสูงจึงไม่ทำให้ผิวแห้ง


M11224 HUILE D’ARGAN
ช่วยคืนสมดุลของผิว ชะลอริ้วรอย เหมาะสำหรับผิวแห้ง  และป้องกันผิวหมองคล้ำ ช่วยให้ผิวกระจ่างใส


M11225 HUILE D’OLIVE
น้ำมันมะกอกช่วยให้ผิวชุ่มชื้น เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย สามารถใช้ในร่างกายและใบหน้า

M11229 LAVANDE
ในน้ำมันหอมระเหยลาเวนเดอร์ถูกใช้สำหรับการรักษาภาวะซึมเศร้า ผิวไหม้ ปัญหาสิว โรคสะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย วิตกกังวล


M11230 LAVANDE AMBREE
ในน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์ถูกใช้สำหรับการรักษาภาวะซึมเศร้า ผิวไหม้ ปัญหาสิว โรคสะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ ปวดเมือย วิตกกังวล


M11231 LAVANDE BROYEE
ในน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์ถูกใช้สำหรับการรักษาภาวะซึมเศร้า ผิวไหม้ ปัญหาสิว โรคสะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ ปวดเมื่อย วิตกกังวล พร้อมมีกลีบดอกแห้งของลาเวนเดอร์ ช่วยขัดผิวทำช่วยกระตุ้นการเกิดผิวใหม่

M11232 LAVANDE FIGUE
ในน้ำมันหอมระเหย ลาเวนเดอร์ถูกใช้สำหรับการรักษาภาวะซึมเศร้า ผิวไหม้ ปัญหาสิว โรคสะเก็ดเงิน นอนไม่หลับ ปวดเมือย วิตกกังวล


M11233 LAVANDE OLIVE
สบู่มอยเจอร์ไรเซอร์ ช่วยให้ผิวชุ่มชื่นและช่วยบำรุงผิว


M11234  LITCHEE MANGUE
สบู่กลิ่นหอมพิเศษ ช่วยบำรุงผิว และทำให้ผิวชุมชื่น เหมาะกับทุกสภาพผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง

M11235 MARINE
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณอาบน้ำสะอาดสดชื่่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว

M11237 MENTHOLE
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณอาบน้ำสะอาดสดชื่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว

M11238 MIMOSA
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณอาบน้ำสะอาดสดชื่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว


M11240 MONOI
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณอาบน้ำสะอาดสดชื่่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว


M11242 MURE-MUSC
สบู่กลิ่นหอม  อาบสะอาดสดชื่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว


M11244 OPIUM
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณ อาบสะอาดสดชื่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว
เป็นกลิ่นขายติด1-10 ของกลิ่นขายดีที่ฝรั่งเศส

M11249 PASSION –GOYAVE
สบู่กลิ่นหอมอ่อนๆ ทำให้คุณ อาบสะอาดสดชื่น พร้อมฟองสบู่ที่เนียนนุ่ม ช่วยบำรุงผิว


M11253 PEPIN DE RASIN
สบู่เนื้อเนียนนุ่ม ให้ฟองที่นุ่มนวล ช่วยสคัปผิว เพราะมีส่วนผสมของสาหร่ายทะเลที่หาได้เฉพาะประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น พร้อมเนื้อสบู่ที่มีความชุ่มชื่นสูงจึงไม่ทำให้ผิวแห้ง

M11254 POMME D’AMOUR
มีส่วนผสมจากน้ำมันของดอกไม้ ที่ได้จากเมืองกราซ กลิ่นหอมติดผิวกาย ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่นช่วยบำรุงผิว


M11256 ROMARIN
สบู่เนื้อเนียนนุ่ม ให้ฟองที่นุ่มนวล ช่วยสคัปผิว เพราะมีส่วนผสมของสาหร่ายทะเลที่หาได้เฉพาะประเทศฝรั่งเศสเท่านั้น พร้อมเนื้อสบู่ที่มีความชุ่มชื่นสูงจึงไม่ทำให้ผิวแห้ง


M11259 VANILLE
มีกลิ่นหอม ของวนิลาสำหรับผู้ที่หลงไหล ความหอมหวาน อาบสะอาด ช่วยบำรุงผิว มีส่วนผสมจาก น้ำมันจากพืช ป้องกันผิวแห้งได้เป็นอย่างดี


M11260 VERVEINE
สบู่หอมกลิ่นเวอร์บีน่า อาบสะอาด กลิ่นหอมสดชื่น มีส่วนผสมจากน้ำมันของพืช และ น้ำมันอาร์แกรน ช่วยปกป้องผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง


M11262 VETYVER
กลิ่นหอมสดชื่น มีส่วนผสมจากน้ำมันของพืช และน้ำมันอาร์แกรน ช่วยปกป้องผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง

M11263 VIOLETTE
กลิ่นหอมสดชื่น มีส่วนผสมจากน้ำมันของพืช และ น้ำมันอาร์แกรน ช่วยปกป้องผิว ไม่ทำให้ผิวแห้ง


สำหรับคนที่สนใจสามารถติดต่อ สอบถาม และดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 08 1660 0864 หรือ www.sanooklife.com


บทความที่เกี่ยวข้อง 


สบู่ดีๆ จากทั่วโลก

เลือกสบู่อย่างไรให้เหมาะกับผิว
10 เหตุผลดีๆ ที่ควรใช้ LA MAISON DU SAVON DE MARSEILLE